ดีเอสไอสั่งตรวจสอบรถหรูราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป วอนกรมศุลกากร หากพบรถเข้าข่ายเลี่ยงภาษี ขอให้ดำเนินการทันที
วันนี้ (7 ต.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ท.นพ.เอนก ยมจินดา ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ร่วมประชุมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 7 หน่วยงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าผลตรวจสภาพรถหรูจดประกอบ โดยใช้เวลาประชุมอย่างเคร่งเครียดนานกว่า 1 ชม.
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวหลังการประชุมว่า คณะทำงานร่วม 7 หน่วยงาน ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบสภาพรถหรูจดประกอบราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมหารือร่วมกันถึงแนวทางการดำเนินการในอนาคต ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่จะต้องร่วมกันแก้ไขได้ข้อสรุป ดังนี้ 1.ผลการตรวจรถหรูจดประกอบราคา 4 ล้านบาท ขึ้นไปทางกายภาพ จำนวน 548 คัน ว่าเป็นรถหรูนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบจดทะเบียนเป็นรถหรูจดประกอบหรือนำเข้ารถทั้งคันแต่สำแดงว่านำเข้าชิ้นส่วนเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีกว่า 300 เปอร์เซ็นต์ พบว่า ภาคสมัครใจที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถหรูนำรถมาตรวจสภาพ ตรวจเสร็จแล้วทั้งหมด จำนวน 236 คัน โดยดีเอสไอส่งให้กรมศุลกากรพิจารณาดำเนินการ ตาม มาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 จำนวน 120 คัน และ ครั้งที่ 2 จำนวน 116 คัน
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอได้ส่งผลการตรวจทางกายภาพของรถหรูให้กรมศุลกากรโดยไม่ได้สรุปว่านำเข้าถูกต้องหรือไม่ เพราะตามกฎหมายต้องให้กรมศุลกากร เป็นผู้ชี้ขาดว่าเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องหรือไม่ หากนำเข้าไม่ถูกต้องก็ให้กรมศุลกากร พิจารณาเปรียบเทียบภาษีที่ขาดไปด้วย ในส่วนของกลุ่มที่ดีเอสไอได้ส่งหนังสือเรียกให้นำรถหรู ราคา 4 ล้านบาทขึ้นไปมาตรวจสภาพกรณีไม่มาในภาคสมัครใจ ระหว่างวันที่ 2-30 ต.ค.2556 ดีเอสไอมีหนังสือเรียกเจ้าของรถหรูไปแล้ว จำนวน 199 คัน มีรถหรูเข้ามาตรวจแล้ว จำนวน 102 คัน พบต้องสงสัย 8 คัน เฝ้าระวัง 31 คัน รอผลการตรวจสอบหลังข้อมูลไม่ครบจำนวน 3 คัน และให้ผ่านการตรวจไปก่อน จำนวน 60 คัน โดยจะส่งผลการตรวจสอบไปยังกรมศุลกากรเช่นกัน ทั้งนี้ ดีเอสไอ ยังได้ขอความอนุเคราะห์ไปยังกรมศุลกากรว่า หากตรวจคันใดที่ตรวจพบว่าเข้าข่ายเลี่ยงภาษีรถหรูก็ขอให้ดำเนินการให้เร็วขึ้น คาดว่าภายในเดือนหน้าจะได้ตัวเลขเบื้องต้นที่จะได้นำข้อมูลมาประกอบกับการตัดสินใจสำหรับเจ้าของรถหรูที่ต้องการครอบครองรถว่าควรจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อทำให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
นายธาริต กล่าวอีกว่า ส่วนรถหรูจดประกอบราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท ที่ยังคงค้างการดำเนินการประมาณ 6,547 คัน ที่ประชุมเห็นพ้องให้กรมการขนส่งทางบกเป็นเจ้าภาพ ในการเรียกตรวจสอบเมื่อมีการยื่นชำระภาษีประจำปี แต่ให้นำแนวทางการตรวจของ 7 หน่วยงาน ที่กำหนดไว้ไปเป็นรูปแบบการตรวจเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยดีเอสไอจะสนับสนุนข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ คือ เมื่อตรวจพบหมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง และหมายเลขเกียร์ตรงกัน 3 รายการ ให้ถือว่าเป็นรถต้องสงสัย หากตรวจพบมีหมายเลขชิ้นส่วนตรงกัน 2 รายการ ให้เป็นการเฝ้าระวัง และให้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอส่งต่อให้กรมศุลกากร พิจารณาชี้ขาดว่าเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องหรือไม่ เริ่มจะเริ่มตรวจสอบในต้นเดือน ม.ค.2557 หากเจ้าของรถคันใดไม่นำรถมาตรวจสอบตามกำหนดที่ดีเอสไอได้แจ้งนัดไปแล้วนั้น ทางกรมการขนส่งทางบกก็จะไม่ต่อทะเบียนรถยนต์ให้
