ปคม.บุกจับสาวใหญ่ บังคับค้าแรงงานเด็กลาว พบผู้เสียหายอายุระหว่าง 15-20 ปี ซึ่งถูกหลอกลวงมาใช้แรงงานจำนวน 6 คน โดยไม่ยินยอมและหากขัดขืนจะถูกทำร้ายร่างกายและอนาจาร ด้านผู้ต้องหาปฏิเสธอ้างผู้เสียหายยินยอมพร้อมใจเอง
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กองบังคับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบก.ปคม.พร้อม พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบก.ปคม.ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.จำรัส จุยกระจาย อายุ 38 ปี ซึ่งค้ามนุษย์ในรูปแบบบังคับใช้เเรงงาน เเละ น.ส.น้ำ ไม่ทราบนามสกุล ชาวลาว อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก ปคม.ได้รับการประสานจากมูลนิธิผู้หญิงว่าได้รับการขอความช่วยเหลือจากองค์กรในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้ช่วยเหลือเด็กชาวลาวที่ถูกหลอกลวงให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย ในพื้นที่ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานในท้องที่ที่เกี่ยวข้องติดตามสืบค้นจนทราบว่ามีเด็กชาวลาวถูกนำตัวมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 6 ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.จำรัส จึงนำหมายค้นศาลจังหวัดหัวหินที่ 201/2556 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2556 เข้าตรวจค้น พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวจำนวน 6 คน
โดยจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าชาวลาว 2 คน ซึ่งมีอายุ 20 ปี และ 17 ปี ถูกบังคับให้ใช้แรงงานโดยไม่ยินยิม จึงทำการหลบหนี แต่โดนจับได้จึงถูกบังคับทุบตีโดยบังคับให้ถอดเสื้อผ้า ซึ่งถือเป็นการกระทำอนาจาร ในขณะที่อีก 3 คน อายุ 15 ปี จำนวน 1 คน และอายุ 16 ปี จำนวน 2 คน ยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่พร้อมให้ปากคำใดๆ ทั้งสิ้น จึงทำการส่งตัวไปยังสถานคุ้มครองบ้านเกร็ดตระการ และบ้านภูมิเวช กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่วน น.ส.น้ำ ชาวลาวอายุ 22 ปี ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกบังคับ หรือหลอกลวงมาค้าแรงงานเเต่อย่างใด ตำรวจจึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.อ.ปัญญา กล่าวว่า ในขณะที่ น.ส.จำรัส ยอมรับว่าชักชวนผู้เสียหายทั้ง 6 มาค้าแรงงานจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้บังคับให้ค้าประเวณี ทุกคนยินยอมมาเอง ซึ่่งจะต้องทำการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ในรูปแบบการบังคับใช้แรงงาน, ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม (ตามมาตรา 64 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522) และรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยทราบอยู่เเล้วว่าไม่มีใบอนุญาต ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป