สองสามี-ภรรยาชาวศรีสะเกษ อุ้มบุตรชายวัย 8 เดือน ร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล รมว.พม.และประธานมูลนิธิปวีณาฯ หวั่นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่สะบักหลังบุตรชายและปานดำที่ขึ้นทั่วตัวจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่มูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เลขที่ 84/14 หมู่2 ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง 7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางสาว กาญจนาภรณ์ ขานทรัพย์ อายุ 21 ปี และนายเทียนชัย แก้วมูล อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา อุ้มเด็กชายปิยะพล หรือน้องแสตมป์ ขานทรัพย์ อายุ 8 เดือนเศษ บุตรชายซึ่งมีสภาพเป็นปานดำทั้งตัว และมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่สะบักหลังด้านซ้ายเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีขอให้ช่วยเหลือบุตรชายด้วย เนื่องจากแพทย์บอกว่ายากต่อการรักษาทำให้แทบสิ้นหวัง จึงขอพึ่งมูลนิธิปวีณาฯเป็นที่พึ่งสุดท้าย
นางสาวกาญจนาภรณ์ กล่าวว่า ตนกับสามีอยู่กินกันมาหลายปีที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพิ่งจะมีบุตรคนแรก คือน้องแสตมป์ ตั้งแต่ทราบว่าตนเองท้องก็ดีใจมาก และไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และไปตรวจตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง และมีการอัลตราซาวนด์ แพทย์ก็บอกว่าลูกเป็นเด็กผู้ชาย สุขภาพแข็งแรงดี ต่อมาได้คลอดน้องแสตมป์ ที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.56 ภายหลังคลอดพยาบาลส่งตนกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย แล้วพาลูกมาให้ที่เตียงผู้ป่วยเพื่อให้เด็กได้กินนมแม่ ตนสังเกตเห็นว่าตามลำตัวบุตรชายนั้นมีจุดดำเต็มไปทั่วตัว และมีปานดำขนาดใหญ่เต็มแผ่นหลัง จึงได้สอบถามอาการของบุตรชาย แพทย์อธิบายว่าเป็นปานดำไม่เป็นอันตรายอะไร เด็กสุขภาพแข็งแรงดี ก็นึกเสียใจอยู่บ้างที่ลูกเกิดมาไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรตนกับสามีก็รักน้องแสตมป์มาก หลังจากนั้นตนกับสามีได้พาน้องแสตมป์ มาอยู่ที่บ้านแม่ตรงถนนปทุมธานี-วังน้อย จ.ปทุมธานี ซึ่งสามีทำงานรับจ้างรื้อไม้ลัง ส่วนตนเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน สังเกตเห็นว่าลูกจะขี้ร้อน เหงื่อออกเป็นประจำ ต้องอาบน้ำเช็ดตัววันละหลายครั้ง และเริ่มมีเม็ดๆ ขึ้นที่แผ่นหลัง เวลาอาบน้ำจะเห็นว่าเม็ดที่หลังแห้งตกสะเก็ดหลุดออกมา เป็นแผลอักเสบ มีหนองเป็นวงกว้าง ซึ่งขณะนั้นน้องแสตมป์อายุได้ประมาณ 21 วัน จึงกลับไปที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ เพื่อขอใบส่งตัวลูกมารักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) เนื่องจากใช้สิทธิบัตรทอง เมื่อพบแพทย์ได้ทำการรักษาน้องแสตมป์ด้วยการทำแผลและให้ยาฆ่าเชื้อนอนพักรักษาอยู่เป็นเวลา 10 วัน แผลที่หลังก็หายดีรู้สึกดีใจมากแต่แพทย์ก็ยังนัดไปตรวจดูอาการทุกสัปดาห์ เพื่อดูขนาดของปานดำตามลำตัวแต่ก็ไม่มีทีท่าลุกลามหรือใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด พอน้องแสตมป์อายุได้ 3 เดือน ได้มีเม็ดตุ่มขนาดประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ขึ้นที่แผ่นหลังตรงสะบักหลังด้านซ้ายและมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แพทย์ได้เจาะเลือดไปตรวจครั้งแรกพบว่าเม็ดเลือดขาวมากกว่าเม็ดเลือดแดงยังทำอะไรไม่ได้ เพราะเด็กยังเล็กอาจจะเป็นอันตรายได้ อีกประมาณ 2 สัปดาห์ไปเจาะเลือดเป็นครั้งที่สองพบว่าเม็ดเลือดปกติ
แพทย์จึงได้ทำการตัดชิ้นเนื้อที่เป็นก้อนบริเวณหลังไปตรวจหาเซลล์มะเร็งกับเนื้องอก ผลออกมาก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ แพทย์จึงได้ส่ง x-ray ดูก้อนเนื้อก็พบว่ามีขนาดลึกเข้าไปทับกระดูกสันหลังแล้วภายในระยะเวลา 5 เดือนก้อนเนื้อนี้ขนาดใหญ่เท่าผลแคนตาลูป เมื่อกดลงไปจะรู้สึกเหมือนมีน้ำอยู่ข้างในและผิวบริเวณนั้นจะแห้งมากทางสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้พบแพทย์ใหญ่ด้านโรคผิวหนัง ได้อธิบายให้ทราบว่าตอนนี้ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่มากไม่สามารถตัดออกได้ เพราะจะทำให้เสียเลือดมากอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และก้อนเนื้อนี้จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และจะลามไปทับเส้นประสาทไขสันหลังทำให้พิการและอาจจะอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี และแพทย์ได้มีการนัดเพื่อไป x-ray ในวันที่ 27 มี.ค.ปี 57 ตอนนี้ตนกับสามีทุกข์ใจมาก ลูกทั้งคนดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็อยากให้มีชีวิตอยู่ เราสองคนจึงปรึกษากันเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล รมว.พม.และประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือบุตรชายด้วย
ภายหลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล รมว.พม.และประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจำนวนมาก และทางมูลนิธิปวีณาฯจะรับน้องแสตมป์อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมไปเยี่ยมบ้านและให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่ โดยในวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯพร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมพาไปพบ นางมาลินี ดุสิตากร ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้านบริการ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับวิธีการรักษาต่อไป
