จำคุก 15 ปี หนุ่มแสบใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ นร.พาณิชย์ ขณะคุยโทรศัพท์ในตู้สาธารณะ ย่านบางซื่อ เจอด่านตรวจทิ้งรถหนี แล้วไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร นาน 9 ปี แต่ไม่รอด สารภาพเหลือติดคุก 7 ปี 6 เดือน และชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย 6 พันกว่าบาท
ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (3 ต.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.2594/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเชาวลิตร รักพรมราช อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 34 ม.6 ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ และใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่ทรัพย์และให้พ้นการจับกุม
โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2556 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2547 เวลาประมาณ 20.00 น.ขณะที่ น.ส.นันทิดา ทองหลอม อายุ 18 ปีเศษ นักเรียนโรงเรียนพณิชยการแห่งหนึ่ง กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ถ.กรุงเทพฯ-นนทบุรี แขวง-เขตบางซื่อ จำเลยได้ขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดใกล้ๆ แล้วใช้มีดปอกผลไม้จี้บังคับเอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ โนเกีย รุ่น 3100 ราคา 5,900 บาท เงินสด 200 บาท และบัตรเติมเงิน 200 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 6,150 บาท ขึ้น จยย.หลบหนี ไป ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูนได้ตั้งด่านตรวจ จำเลยได้แสดงใบสั่งเพื่อแสดงว่า ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบ จำเลยได้วิ่งหลบหนีไป ทิ้งรถจักรยนยนต์และมีดของกลางในตะกร้าหน้ารถ ต่อมาจำเลยไปสมัครเข้าทำงาน ที่บริษัท ยูนิตี้ แพ็คเกจจิ้ง จำกัด ย่าน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
กระทั่งวันที่ 22 พ.ค.2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบ จึงจับกุมจำเลยได้ตามหมายจับของศาลอาญา จ.5603/2547 ลงวันที่ 22 ธ.ค.2547 ชั้นสอบสวนจำเลยปฏิเสธ แต่ให้การรับสารภาพ ในชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานโจทก์แล้ว เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 304 ตรี จำคุก 15 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 7 ปี 6 เดือน และให้จำเลยคืนเงินหรือชดใช้ราคาทรัพย์สินจำนวน 6,150 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย