xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืน คุก 10 ปี อดีต"ร.ต.อ."ปืนโหด ยิงกิ๊กทหารดับคาร้านอาหาร

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ร.ต.อ.นพฤทธิ์ วิเศษศักดิ์ อายุ 43 ปี อดีต รอง สว.ธุรการ บก.น.7 ช่วยราชการ สน.เตาปูน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 10 ปี “ร.ต.อ.” อดีตรองสารวัตร ช่วยราชการ สน.เตาปูน หึงหวง ชักปืนยิงทหารสาวเพื่อนสนิท ตายคาร้านอาหาร ศาลชี้จำเลยมีเจตนาฆ่า ไม่ใช่ปืนลั่น

ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (7 พ.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำ อ.647 /2554 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 กับ นางสวรรค์ ใจสงัด มารดา จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด ทหารกองพลาธิการ กรมยุทธบริการ ทหารบก ผู้ตาย พร้อมบุตร 2 คนของจ.ส.อ.หญิง ร่วมเป็นโจทก์ ฟ้องร.ต.อ.นพฤทธิ์ วิเศษศักดิ์ อายุ 43 ปี อดีต รอง สว.ธุรการ บก.น.7 ช่วยราชการ สน.เตาปูน เป็นจำเลยในความผิดฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ พาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2554 ว่าระบุว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2553 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด อายุ 39 ปี สังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก เพื่อนสาวคนสนิท เสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 8 คน ขณะ นั่งรับประทานอาหารและดื่มสุรากันที่ร้านอาหารอีสาน ริม ถ.ประชาราษฎร์ 2 แขวงและเขตเตาปูน กทม. ระหว่างนั้นจำเลยเกิดความหึงหวงผู้ตาย จึงลุกขึ้นชักปืนยิงถึงแก่ความตายก่อนหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. 2553 จำเลยเข้ามอบตัว พร้อมให้การปฏิเสธอ้างว่าปืนลั่นและไม่มีเจตนาฆ่า

คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2555 เห็นว่า โจทก์มีเพื่อนร่วมงานของผู้ตายเบิกความเป็นพยานว่า ขณะนั่งทางอาหารมีเพื่อนผู้ตายพูดแซวผู้ตายทำนองว่า เมื่อคืนไปไหนมาจนกลับบ้านดึก 03.00 น. จำเลยเลยได้ยิน จึงถามผู้ตายถึง 3 ครั้งว่า "ตกลงมึงไปไหนมา" จากนั้นจำเลยลุกขึ้นยืน และชักปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ก่อนเดินข้ามถนนขึ้นรถหลบหนีไป

จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ฐานพกพาอาวุธปืน ปรับ 2,100 บาท แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี ปรับ 1,400 บาท ริบของกลางอาวุธปืน
ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษสถานเบา เนื่องจากไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย และได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมจนเป็นที่พอใจแล้ว

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เบิกความยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยยิงผู้ตาย เพราะความหึงหวง ส่วนจำเลยก็ไม่ได้นำสืบโต้แย้งประเด็นพาอาวุธปืนไปที่สาธารณะ อีกทั้งหลังเกิดเหตุ จำเลยก็ไม่สนใจ ที่จะช่วยเหลือนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล กรรมจึงเป็นเครื่องชี้เจตนา ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.นพฤทธิ์ ได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมทั้งสาม จำนวน 4.5 ล้านบาท จนโจทก์ร่วมทั้งสาม ยอมถอนฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา


กำลังโหลดความคิดเห็น