xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้อง “เจิมศักดิ์” ไม่หมิ่น “คิงเพาเวอร์” ขายของเถื่อน-หนีภาษี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการชื่่อดังและอดีตสมาชิกวุฒิสภา เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ
ศาลยกฟ้อง “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” อดีตผู้ดำเนินรายการชื่อดังและ อดีต ส.ว. พาดพิง “คิงเพาเวอร์” ขายของเถื่อน-หนีภาษี ชี้จำเลยมีหลักฐานพิสูจน์สามารถสั่งซื้อได้จริง

วันนี้ (27 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ อ.1822/2554 ที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด โดยนายรัฎฐาปกรณ์ ทับปั้น ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต ส.ว.) จำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณาและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328, 326, 332

โดยคำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2553 เวลากลางคืน จำเลยได้ดูหมิ่นโจทก์ด้วยการโฆษณาและหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาด้วยสิ่งบันทึกเสียงภาพหรือกระจายเสียงหรือป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น โดยมีเจตนาร้ายกลั่นแกล้งโจทก์และเพื่อแสวงหาประโยชน์ในชื่อเสียงหรือประการใดๆ จากการโฆษณาดังกล่าวของจำเลย และหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่นด้วยการโฆษณาเผยแพร่ต่อบุคคลที่สาม และใส่ความโจทก์ โดยจำเลยในฐานะพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ “ลงเอย อย่างไร” ตอน “ของเถื่อน ภาษีเถื่อน” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ทำให้โจทก์เสียหายแก่ธุรกิจ ว่าเป็นบริษัทขายสินค้าเถื่อนหนีภาษีเถื่อนให้แก่บุคคลทั่วไป เป็นบริษัทไม่ดี ฉ้อโกงภาษีอากรของรัฐบาล เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดำเนินรายการดังกล่าว โดยจำเลยพูดในรายการทำนองว่าสามารถสั่งซื้อเหล้า ไวน์ แชมเปญ ผ่านบริษัทของโจทก์ได้โดยไม่ต้องเสียภาษี โดยไม่ต้องใช้ตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทาง และมีบริการส่งถึงบ้านได้ ประเด็นมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่เห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นพนักงานบริษัทคิงเพาเวอร์ เบิกความสอดคล้องกันทำนองว่า โจทก์ได้รับอนุญาตให้ขายสินค้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และที่บริษัท คิงเพาเวอร์ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อน โดยมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรคอยตรวจสอบความถูกต้องของสินค้า การจะสั่งซื้อสินค้าปลอดภาษีผู้ที่สั่งซื้อจะต้องมีหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบินที่ระบุวันเวลาและเที่ยวบินไว้ด้วย ซึ่งหากซื้อออกนอกประเทศสามารถสั่งซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน แต่หากซื้อเข้าในประเทศสามารถสั่งซื้อได้ตามปริมาณที่ศุลกากรกำหนด โดยพยานมีบาร์โค้ดสินค้าและแผนผังการนำเข้าของสินค้ามายืนยันว่าโจทก์ปฏิบัติตามระเบียบที่ศุลกากรกำหนดทุกประการ และไม่มีการสั่งซื้อสินค้าทางโทรศัพท์ และไม่มีการนำสินค้าไปส่งให้ถึงที่บ้าน ส่วนจำเลยเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและเป็นผู้ดำเนินรายการดังกล่าว ซึ่งการที่จำเลยจะหาข้อมูลเพื่อนำมาพูดออกอากาศในรายการ จำเลยย่อมมีเวลาตรวจสอบข้อมูลเป็นเวลานานว่าบริษัทโจทก์จะต้องขออนุญาตอย่างไรบ้าง การที่จำเลยอ้างว่าได้ยินมาจากเพื่อนว่าสามารถสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทของโจทก์ได้ถือว่าข้อความเป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงว่าโจทก์ขายสินค้าผิดระเบียบและไม่ผ่านศุลกากรอย่างไรบ้าง

เห็นว่ารายการดังกล่าวเป็นรายการเสนอข้อเท็จจริงสะท้อนปัญหาสังคม ขายของเถื่อนของหนีภาษี และการทุจริต แม้จำเลยจะอ้างว่าคำพูดในรายการเป็นการตั้งคำถามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังในขณะนั้นในการแก้ปัญหาจำหน่ายสินค้าลักลอบหนีภาษี แต่สิ่งที่จำเลยพูดย่อมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยพูดไปตามข่าวลือไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนและมีการยืนยันข้อเท็จจริงตามคำพูด จึงไม่ใช่การพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์หรือติชมโดยสุจริตและเป็นธรรมแต่อย่างใด แต่จำเลยมีพยานเป็นผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวเบิกความยืนยันว่า สามารถสั่งซื้อสุรา ไวน์ และแชมเปญ ปลอดภาษีศุลกาการจากบริษัทของโจทก์ได้จริง โดยพยานมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอยืนยันถึงการทดลองสั่งซื้อสุรา ไวน์ และแชมเปญ จำนวนหลายลังจากบุคคลหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าสั่งซื้อของได้จริงโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบิน โดยสินค้าทั้งหมดถูกใส่อยู่บรรจุภัณฑ์ที่มีชื่อบริษัทของโจทก์ติดอยู่ที่ถุงและมีผู้นำมาส่งให้ถึงที่บ้าน แม้การสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจะไม่ได้สั่งซื้อจากบริษัทโจทก์โดยตรงแต่ก็เป็นสินค้าของบริษัทโจทก์จริง ซึ่งคลิปดังกล่าวเชื่อว่าคงยากแก่การตัดต่อ และพยานไม่เคยรู้จักโจทก์มาก่อนและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองจึงเชื่อว่าเบิกความอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง จึงเชื่อว่าพยานสามารถสั่งซื้อสินค้าปลอดศุลกากรจากบริษัทโจทก์ได้จริง และจำเลยพิสูจน์ได้ว่าคำพูดในรายการที่หมิ่นประมาทโจทก์เป็นเรื่องจริง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อาญา มาตรา 330 พิพากษายกฟ้อง

ด้านนายเจิมศักดิ์กล่าวภายหลังว่า หลังจากนี้จะต้องปรึกษาทางทนายความก่อนว่าจะฟ้องกลับ บริษัท คิงเพาเวอร์หรือไม่ แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องแบบนี้มากนัก ซึ่งตนพูดในฐานะสื่อมวลชน ไม่มีเจตนาหมิ่นประมาท เป็นการวิจารณ์ถึงการขึ้นภาษีสุราและบุหรี่ของรัฐบาลในขณะนั้น ทำให้มีการลักลอบนำสุราและบุหรี่หนีภาษีเข้ามา สิ่งที่ตนพูดในรายการมีเจตนาเพื่อจะถามรัฐบาลถึงการแก้ปัญหาการลักลอบขายสินค้าหนีภาษีอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาจะพูดถึงบริษัทคิงพาวเวอร์ให้เสียหาย แต่ที่มีการพาดพิงก็เพราะตนได้ยินจากพรรคพวกที่ทำงานจากกรมสรรพสามิตรว่ามีการกระทำในลักษณะลักลอบนำสินค้าหนีภาษีมาจำหน่ายโดยไม่มีการเสียภาษี จึงเป็นการพูดจาเพื่อที่จะร้องเรียนถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น