xs
xsm
sm
md
lg

“ชูวิทย์” เปิดชื่อ ส.ว.สรรหาอักษรย่อ “ส.” ล็อบบีอัยการฟ้องคดีทายาทกระทิงแดงเบา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย
“ชูวิทย์” เผยได้รับข้อมูลจาก ตม.“บอส” ทายาทกระทิงแดงบินเข้าไทยแล้วตั้งแต่เมื่อคืนด้วยเครื่องบินเช่าแบบเหมาลำ จึงทำให้รอดพ้นการตรวจสอบ อัดเละ! ตำรวจท้องที่ทำอะไรอยู่ อ้างว่าตรวจสอบใบรับรองแพทย์ชี้เปล่าประโยชน์ เชื่อทำเพื่อต้องการดึงเวลาไม่ออกหมายจับ พร้อมแฉมีการวิ่งเต้น ส.ว.สรรหา อักษรย่อ “ส.” กดดันอัยการฟ้องคดีเบา

วันนี้ (24 ก.ย.) ความคืบหน้ากรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อายุ 28 ปี บุตรชายนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดง ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต โดยลากศพไปไกลกว่า 200 เมตร บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 49 ในช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย. 2555

โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาใต้ ได้นัดให้นายวรยุทธ หรือ บอส มาฟังการสั่งคดี ที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาใน 3 ข้อหา คือ ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้เสียทรัพย์ ข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ โดยไม่จำเป็นต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมของพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เนื่องจากข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษมีอายุความ 1 ปี จะหมดอายุความลงในวันที่ 3 ก.ย.2556

แต่ปรากฏว่าทนายความของผู้ต้องหา ได้นำใบรับรองแพทย์จาก M.B.B.S.(Singapore) ประเทศสิงคโปร์ ลงวันที่ 1 ก.ย.56 มาแสดง โดยอ้างว่าผู้ต้องหาป่วยอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ไม่สามารถเดินทางมาพบอัยการได้ จนไม่สามารถนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพได้ ภายหลังอัยการได้มีหนังสือแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ขออนุมัติศาลออกหมายจับ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มาพบตามกำหนดนัด อาจมีเจตนาจะหลบหนีหรือบ่ายเบี่ยง ส่งผลให้บางข้อหาหมดอายุความ

อย่างไรก็ตามขณะนี้เวลาผ่านไป 20 วันแล้ว มีรายงานว่าทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยังไม่ขอหมายจับผู้ต้องหาจากศาลอาญากรุงเทพใต้แต่อย่างใด

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ตม.ว่า นายวรยุทธ ได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (23 ก.ย.) โดยเช่าเหมาลำเครื่องบินส่วนตัว จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เดินทางด้วยสายการบินไหนหรือเที่ยวบินที่เท่าไหร่ โดยเมื่อทาง ตม.ได้ตรวจสอบประวัติแล้วก็ไม่พบหมายจับ ซึ่งเรื่องที่ตำรวจจะต้องมาขอหมายจับจากศาล แต่การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่า กำลังตรวจสอบใบรับรองแพทย์จากสิงคโปร์ว่าถูกต้องหรือไม่นั้นถือเป็นการดึงเวลา เพราะไม่สามารถตรวจสอบใบรับรองแพทย์ได้อยู่แล้ว การกระทำของตำรวจทำให้สังคมคลางแคลงใจว่าเอาใจคนรวยหรือไม่ และตนทราบว่า มีการวิ่งเต้น โดย ส.ว.สรรหา ท่านหนึ่ง อักษรย่อ ส.เสือ โดยขอให้อัยการทำคดีสั่งฟ้องในความผิดสถานเบาและขู่จะโยกย้าย

“เรื่องนี้ต้องโฟกัสที่ตัวบุคคลว่า ตำรวจ สน.ทองหล่อทำอะไรอยู่ การที่ผู้ต้องหาไม่มอบตัวทำให้คดีหมดอายุความจนอัยการต้องเสนอให้ตำรวจขอศาลออกหมายจับ เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมออกหมายจับทั้งที่ผู้เสียชีวิตก็เป็นตำรวจ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับสังคม และคดีนี้ก็มีการชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งไปแล้วเหลือเพียงคดีอาญา ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เจตนา ถ้าหากมีการเข้ามามอบตัว ก็อาจจะได้รับการลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญาได้อยู่แล้ว” นายชูวิทย์ ระบุ

นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวสั้นๆ ว่า เกรงจะเป็นการเสนอความคิดเห็นก้าวล่วงในหน้าที่ของอัยการฝ่ายคดีอัยการอาญากรุงเทพใต้ 1 ที่เป็นผู้รับผิดชอบคดี

แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปกติแล้วถ้ายังไม่มีการขออำนาจศาลออกหมายจับ นายวรยุทธก็สามารถเดินทางเข้า-ออกนอกประเทศได้ ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปขึ้นอยู่กับเจ้าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการจับกุมตัวนายวรยุทธมาให้อัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เมื่อใด ส่วนอำนาจการขอหมายจับนั้นตามขั้นตอนแล้วเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะขอหมายจับต่อศาล ส่วนตัวเชื่อว่าคดีนี้ไม่น่าจะมีปัญหาคาดว่าอีกไม่นานจะนำตัวนายวรยุทธมาส่งฟ้องต่อศาลได้
ภาพหน้าแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว นายชูวิทย์ Im No.5 ที่ออกมาระบุว่านายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง (ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์ชน ตร.สน.ทองหล่อเสียชีวิต)นั่งเครื่องบินกลับเข้าประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจที่ไม่จับกุมผู้นต้องหา
กำลังโหลดความคิดเห็น