ศาลอาญานัดไต่สวนคดีที่ “เทพเทือก” เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นฯ “ธาริต” ระบุเป็นผู้ออกคำสั่งไม่ให้ สตช.ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ตามที่ สตช.เสนอ จนเป็นเหตุให้เกิดการทุจริต 30 ก.ย.นี้
วันนี้ (16 ก.ย.)ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีดำ อ.495/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณีระหว่างวันที่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 2556 นายธาริตแถลงข่าวกล่าวหานายสุเทพว่าเป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งตามที่ สตช.เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง เพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี. ดิเวลลอปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้
นายสุเทพได้ขึ้นเบิกความต่อจากครั้งที่แล้วว่า ในการจัดซื้อจัดจ้างแฟลตตำรวจ มี 2 ลักษณะ คือแบบตึกกับแบบโรงเรือน ซึ่งไม่มีการเอื้อผลประโยชน์จากรัฐมนตรีคนใด พร้อมทั้งได้รับความเห็นจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่าตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้รับทราบปัญหาจากการลงดูพื้นที่ แต่หลังจากที่มีการเสนอเรื่องมาแล้วปรากฏว่าได้มีการเรี่ยรายเงินจากชาวบ้านเพื่อนำมาซ่อมแซมที่พัก ส่วนที่มีการร้องเรียนในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างไปยังกองพัสดุแห่งชาติ ตนมาทราบภายหลังตอนที่ดีเอสไอดำเนินการแล้ว ซึ่งขณะนั้นตนก็พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯแล้ว โดยตนมีหน้าที่ในการให้ความเห็นตาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้น และเคยแจ้งไปยัง ผบ.ตร.แล้วว่า ไม่ต้องส่งเรื่องมาให้ตนเห็นชอบก็ได้ เนื่องจาก สตช.เปรียบเสมือนกระทรวงการเมืองที่ไม่มีปลัดและไม่มีรัฐมนตรี อีกทั้งยังมีความสับสนในเรื่องอำนาจหน้าที่อยู่ ส่วนที่ตนลงนามเห็นชอบโครงการไปนั้นเพราะคิดว่าความเห็นของ ผบ.ตร. มีความน่าเชื่อถือ จึงได้เสนอเรื่องไปตามความเห็นดังกล่าว
ภายหลังเบิกความเสร็จสิ้น โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้งในวันที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 09.00 น.
