“พร้อมพงศ์” โผล่ดีเอสไอจี้ “ธาริต” เฉ่ง ปชป.6 เรื่อง ท้วงคดีบริจาคเงินเข้าพรรค ปชป.เลือกปฏิบัติหรือไม่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฏร เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อเร่งรัดให้ติดตามการดำเนินคดี 6 เรื่อง ดังนี้ คดีการสลายการชุมนุม ปี 53, คดีทุจริตสร้างโรงพักทดแทน, คดีทุจริตสร้างแฟลตตำรวจ, คดีต่อสัมปทานรถไฟฟ้า (บีทีเอส), คดีทุจริตจัดซื้อคุรุภัณฑ์วิทยาลัยอาชีวะ และคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ได้ตั้งข้อสังเกตคดีเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ดีเอสไอรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษว่า เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์บางคนเข้าพบและให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้ว แต่ ส.ส.บางคนรวมถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ด้วยที่ยังไม่ให้ความร่วมมือเข้าพบพนักงานสอบสวน และเหมือนจะเป็นการเตะถ่วงเวลาเพื่ออยู่ในช่วงสมัยประชุมสภาฯ
อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ตนจะเซ็นรับทราบทั้ง 6 เรื่องที่นายพร้อมพงศ์มายื่นในวันนี้ และจะมีหนังสือแจ้งรายละเอียดความคืบหน้าการดำเนินคดีส่งให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้ดำเนินการส่งต่อหลายคดีให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไปแล้ว อาทิ กรณีทุจริตก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศที่มีบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ประมูลงานได้ และกรณีการกระทำความผิด พ.ร.บ.เสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้ว)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกกรมการฯ ไต่สวนตรวจสอบ รวมทั้งกรณีทุจริตคุรุภัณฑ์วิทยาลัยอาชีวะศึกษา ส่วนกรณีผู้บริหาร กทม.ทุจริตต่อสัญญาบีทีเอส ก็ส่งสำนวนคดีให้อัยการแล้ว
นายธาริตกล่าวอีกว่า สำหรับคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์มีความวุ่นวายมาก โดย ส.ส.ของพรรคบางคนก็มาพบพนักงานสอบสวนแต่บางคนก็ไม่มา ขณะที่บางคนก็ไปร้องเรียนป.ป.ช.ให้รวจสอบการทำงานของดีเอสไอในการทำคดีเรื่องนี้ จนตนต้องไปร้องทุกข์ต่อป.ป.ช.ถึงการกระทำดังกล่าว ส่วนคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองช่วงปี 2553 นั้น หลายคดีส่งอัยการสั่งฟ้องและศาลได้มีคำตัดสินสาเหตุการเสียชีวิตหลายรายแล้ว ซึ่งล่าสุดการเสียชีวิตของกลุ่ม 6 ศพภายในวัดปทุมวนารามนั้น ระบุว่าไม่มีชายชุดดำในที่เกิดเหตุ ทำให้คดีมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และแนวโน้มคดีอื่นที่ยังเหลือศาลจะตัดสินสาเหตุการเสียชีวิตไปในแนวทางเดียวกัน