พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เรียก “ณชิชา” ภรรยาวีรวัฒน์ วลัยเสถียร ลูกชายอดีต รมช.พาณิชย์ มารับทราบข้อกล่าวหาทําร้ายร่างกาย หลังทั้งคู่แจ้งความทำร้ายร่างกายกันไปมาตั้งแต่ปี 55 แต่คดีไม่คืบหน้า
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่สน.ลุมพินี นางณชิชา หรือนิภาภัทร วลัยเสถียร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ซอยสุขุมวิท 10 แขวงและเขตคลองเตย และเป็นบ้านที่ เกิดเหตุภรรยา นายวีรวัฒน์ วลัยเสถียรลูกชาย ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร อดีต รมช.พาณิชย์ และเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เทอดศักดิ์ มนัสชน พนักงาน สอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทําร้ายร่างกาย นายวีรวัฒน์ ผู้เป็นสามี หลังจากเจ้าตัวเข้าแจ้งความดําเนินคดีต่อนายวีรวัฒน์ในข้อหาทําร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 10 และ 11 ธ.ค. 55 แต่กลับถูกสามีแจ้งความดําเนินคดีกลับในข้อหาเดียวกันในเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนางณชิชาได้นําใบรับรองแพทย์การตรวจร่างกายจาก รพ.บีเอ็นเอช ภาพถ่ายหลังจากถูกสามีทําร้ายร่างกาย หนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี มามอบให้เป็นหลักฐานด้วย
นางณชิชาเปิดเผยว่า ตนแต่งงานอยู่กินกับสามีมา 10 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน จนกระทั่งช่วงเดือน ส.ค. 53 หลังคลอดลูกสาวคนที่ 2 ได้ 3 สัปดาห์ก็เริ่มถูกสามีทําร้ายด้วยการชกท้องที่บริเวณแผลผ่าคลอด หลังจากนั้นก็ถูกทําร้ายร่างกายเรื่อยมา มีการดุด่า ขอเลิกและเสนอให้แบ่งลูกกัน บางครั้งก็ถูกปืนจ่อหัวอีกด้วย ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค. ตนถูกสามีทําร้ายร่างกายขณะกําลังเล่นกับลูก ด้วยการทุบตีที่ศีรษะ และแขนหลายครั้งจนตัวเขียวชํ้า ทําให้ตนต้องเดินทางมาแจ้งความเอาไว้ที่ สน.ลุมพินี จากนั้นในวันรุ่งขึ้น 11 ธ.ค. 55 ก็พยายามกลับเข้าไปที่บ้านเพื่อพาลูกสาวทั้ง 2 คนออกมา แต่ก็เจอลูกสาวคนเล็กเดียว จึงรีบให้พี่สาวพาขึ้นรถไป จากนั้นก็พยายามตามหาลูกสาวแต่ก็ไม่พบ ระหว่างนั้นก็ถูกสามีกับ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ผู้เป็นพ่อเข้ามารุมทําร้ายร่างกายซํ้าอีกจนต้องเข้าโรงพยาบาล แพทย์ระบุว่าต้องรักษาตัวนาน 1 เดือน ซึ่งตนก็ได้มาแจ้งความซํ้าไว้อีกรอบแล้ว
นางณชิชากล่าวต่อว่า ภายหลังตนมาทราบว่าสามีก็มาแจ้งความดําเนินคดีต่อตนในข้อหาทําร้ายร่างกาย ในวันที่ 3 ก.พ. ทั้งๆ ที่เรื่องผ่านไป 2 เดือนแล้ว โดยสามีอ้างว่าถูกตนตบบ้องหูและตีเข่า แต่บาดแผลก็ไม่ชัดเจน แต่ในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนกลับเรียกตนมารับทราบข้อกล่าวหา นอกจากนี้ คดีที่ตนแจ้งความดําเนินคดีต่อสามีในข้อหาทําร้ายร่างกายนั้นทราบว่าทาง พนักงานสอบสวนเพิ่งจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะได้รับความเป็นธรรมในกรณีดังกล่าว จึงจะขอร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน และพ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินีอีกด้วย
นางณชิชากล่าวด้วยว่า สําหรับสาเหตุที่ตนถูกสามีทําร้ายร่างกายรุนแรงนั้น ตนมาทราบภายหลังว่าเป็นเพราะสามีมีผู้หญิงคนอื่น จึงเป็นเหตุทําให้พยายามจะขอเลิกและแบ่งลูกกับตน ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องนั้นตนก็ไม่ได้เจอลูกสาวคนโตอีกเลยตลอดระยะเวลา 9 เดือน เพราะไม่สามารถเข้าบ้านสามีได้ ที่ผ่านมาตนพยายามจะขอพบลูกสาวคนโตหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยได้พบ ตนเคยไป ร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาฯ มาแล้ว พอนัดคุยกัน พ่อสามีก็บอกว่าไม่ต้องมาเจอ ที่ผ่านมาสามีก็เป็น คนอารมณ์ร้อน เคยทําร้ายร่างกายพี่ชายตัวเองทั้งๆ ที่พี่ชายไม่ได้ทําอะไรผิด นอกจากนี้ยังเคยพูดหมิ่นเบื้องสูงด้วย ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ถ่ายคลิปบันทึกเอาไว้ทั้งหมด และได้แจ้งความดําเนินคดีเอาไว้ที่กองปราบปรามแล้ว แต่ทราบว่าทางกองปราบฯ ส่งคดีมาให้ทาง สน.ลุมพินีทํา จึงอยากจะสอบถามความคืบหน้าในคดีนี้ด้วย
ต่อมา พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี ได้ลงมารับหนังสือร้องเรียนด้วยตัวเอง ก่อนเปิดเผยว่ากรณีนี้เป็นการแจ้งความกันไปมาระหว่างสามีภรรยา ซึ่งทางตํารวจยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยคดีที่นางณชิชาแจ้งความดําเนินคดีต่อนายวีรวัฒน์ ผู้เป็นสามีนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกนางณชิชามารับทราบข้อกล่าวหาทําร้ายร่างกายสามีเช่นกัน ส่วนคดีที่นางณชิชาแจ้งความให้ดําเนินคดีต่อสามีในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงนั้นอยู่ระหว่างดําเนินการส่งคลิปไปตรวจสอบของคณะกรรมการ