xs
xsm
sm
md
lg

“สุวัตร” ทิ้งทุ่นอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” ท้าชนวลี “แจ๊ด” หากินกับศพ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 นายสุวัตร อภัยภักดิ์และน.ส.อัจฉรา แสงขาว  อดีตทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เปิดแถลงข่าวที่สำนักงาน กฎหมาย อรุณอัมรินทร์ (16 ส.ค.)
โดยผู้กองตั้ง

หลายคนอาจคิดว่า...คดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกอุ้มฆ่า อาจจะต้องสะดุดหยุดลง เมื่อนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้ประกาศถอนตัว เนื่องจากทางญาติร้องขอให้ไม่ให้ทำการรื้อฟื้นอีก เพราะเหตุผลการถูกข่มขู่คุกคาม ...อีกทั้งพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งฟ้องให้อัยการไปแล้วว่านายเอกยุทธเสียชีวิต เพราะถูกฆ่าชิงทรัพย์ คดีนี้จึงเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน

คดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ ยังคงเป็นตำนานที่น่ากังขาของสังคม และได้ส่งผลกระทบถึงสิทธิและเสรีภาพในการทำหน้าที่ เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริง ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมถึงทนายสุวัตร ที่ออกมายอมรับว่า หลังรับทำคดีนี้ จนถึงบัดนี้ ชีวิตเขาไม่ปลอดภัยเสียแล้ว โดยระบุว่า เมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือ แจ้งให้ตนเอง และ น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความที่ขุดคุ้ยการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ ระมัดระวังตัวเ พราะมีการวางแผนฆ่า โดยจะใช้รถบรรทุกทราย 2 คันวิ่งประกบหน้าและหลังเพื่ออัดก๊อบปี้ โดยมุ่งหมายเพื่อเอาชีวิต นอกจากนี้ยังมีการส่งข้อความเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือของผู้แจ้งว่า “งานนี้ตายแน่”

ทนายสุวัตร และ น.ส.อัจฉรา จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สน.พหลโยธิน แต่ไม่ได้ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของสำนักงานทนายความที่อยู่ภายในซอยรัชดาภิเษก 32 เนื่องจากไม่ไว้ใจต่อการทำหน้าที่ของ ตร.และอาจตกเป็นเหยื่อเพื่อการชี้เป้า ส่วนประเด็นที่ถูกข่มขู่นั้นมีด้วยกัน 2 เรื่อง คือ 1. คดีนายเอกยุทธ และ 2.คดีฟ้องหย่าสินสมรส ระหว่างนางเสาวณีย์ โอสถานุเคราะห์ กับนายชินเวศ สารสาส ทุนทรัพย์ 800 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองเรื่องก็มีน้ำหนัก 50-50 ซึ่งเรื่องนายเอกยุทธ เป็นเรื่องที่รุนแรงอันดับหนึ่ง แต่เรื่องฟ้องหย่าสินสมรสก็รุนแรงเป็นอันดับสอง มองข้ามไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีความพยายามที่จะซื้อทนายความคนหนึ่งแต่ไม่สามารถซื้อตนเองได้ จึงอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ถูกขู่ทำร้าย

แม้จะได้ประกาศถอนตัวไปแล้ว แต่ทนายสุวัตร ยังได้ทิ้งประเด็นให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ในอีกหลายประเด็น โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสุวัตรได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ที่บริษัท กฎหมายอรุณอัมรินทร์ จำกัด พร้อมระบุว่าเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ได้มอบหมายให้ น.ส.อัจฉรา เป็นตัวแทนเดินทางเข้าสอบปากคำนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล คนขับรถผู้ต้องหาฆ่านายเอกยุทธ ถึงเรือนจำ โดยนายบอลยอมรับว่าครอบครัวของเขากำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะถูกเบี้ยวค่าจ้างวานฆ่าจำนวน 3 ล้านบาท แต่ได้รับมาเพียงแค่หลักแสนเท่านั้น จึงต้องการเปิดเผยความจริง

นายบอล ยังอ้างอีกว่า อดีตเคยทำงานเป็นคนขับรถที่บริษัท ทีซีเอ็ม หรือทรีวิว ซึ่งมีนายสมชาย จิตปรีดากร เป็นประธานบริษัท ก่อนจะเข้ามาขับรถให้กับนายเอกยุทธ โดยนายสมชายเป็นลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายบอลและนายสมชายได้เข้าออกพรรคเพื่อไทยเป็นประจำ ต่อมาเมื่อนายบอลลาออก และมาอยู่กับนายเอกยุทธ เมื่อนายสมชายทราบเรื่อง จึงได้ติดต่อมายังนายบอลว่าสนใจรับงานหรือไม่ หลังจากนั้นได้ให้นายบอลติดต่อกับทีมอุ้ม ซึ่งเป็นคนมีสี วางแผนฆ่ามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่สบโอกาส กระทั่งในวันที่เกิดเหตุเมื่อนายเอกยุทธลืมปืนไว้ในรถ นายบอลจึงตัดสินใจประสานทีมอุ้มเพื่อลงมือกระทำการ สำหรับนายบอลและนายเบิ้มนั้น เป็นเพียงตัวละครซึ่งมีทีมอุ้มฆ่าอีกทีมมารับช่วงต่อ

นอกจาก นายสมชาย และมีภรรยาชื่อเล่นว่าเกียว ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านชิชา พระราม 2 และยังมีคอนโดมิเนียม เดอะเลค ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมเดียวกันกับที่นายเอกยุทธอยู่

หลังการแถลงข่าวในวันนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ถึงกับนั่งไม่ติด พร้อมกับออกแถลงข่าวมาตอบโต้ในทำนองว่า คดีนี้มี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.เข้ามาคุมการสอบสวนสำนวนคดีอย่างใกล้ชิด ส่วนใครที่พูดอะไรต่างๆ เกี่ยวกับคดี อยากจะให้มาให้การกับตำรวจ เพื่อให้หลักฐานและการตรวจสอบอยู่ในสำนวนการสอบสวนด้วย

“หากมาแจ้งตำรวจเร็วกว่านี้ไม่เกิน 24 ชม.ตำรวจช่วยได้แน่นอน เพราะฉะนั้นจึงรู้สึกสงสาร ไม่รู้ว่าตายไปแล้ววิญญาณนายเอกยุทธจะสงบสุขหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ก็มีหลายคนเอาชื่อมาหากิน มาหาชื่อเสียงจากศพ ซึ่งไม่ถูกต้อง ญาติพี่น้องของนายเอกยุทธก็ยังไม่เห็นออกมาพูดอะไร ดังนั้น อยากให้คนที่ออกมาให้ข่าวทั้งหมดเข้ามาให้การกับตำรวจ รวมถึงมาร่วมเป็นพยานด้วย อย่าดีแต่พูด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ดูแล้วเหมือนคดีของนายเอกยุทธโยงการเมืองหรือไม่ เพราะเรื่องไม่จบเสียที พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องการเมืองแน่นอน แต่ใครจะหากินหาผลประโยชน์จากศพก็ทำไป แต่ขอให้นึกถึงจิตใจญาติของนายเอกยุทธด้วย คนตายไปแล้วยังต้องมาเป็นประเด็นอีก เรื่องแบบนี้ไม่เข้าท่า

ในวันถัดมา แม่ทัพนครบาลยังได้ตอบข้อสงสัย 5 ข้อของทนายว่า ได้คลี่คลายประเด็นสงสัยดังกล่าวไปแล้ว 3 ข้อ คือ 1.นายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเคยทำงานอยู่ที่บริษัท ทีซีเอ็ม จำกัด หรือ บริษัท ทีซีวิว จำกัด ของนายสมชาย จิตปรีดากร จริง 2.นายสมชาย ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว และ 3. นายสมชาย ยืนยันว่าไม่เคยไปที่พรรคเพื่อไทยกับนายสันติภาพ

โดยผู้สื่อข่าวสาย ตร.ที่ร่วมฟังคำแถลงจากปากของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มีความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเพียงคำกล่าวอ้างขาดน้ำหนักในการชี้แจงข้อเท็จจริงว่า นายสมชาย ไม่รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งก่อนหน้านี้ นายสมชาย ระบุว่าใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตลอด แต่เมื่อเกิดประเด็นคำถามดังกล่าว นายสมชาย กลับออกมาปรากฏตัวชี้แจงกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ บช.น.ทันทีภายในระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน อีกทั้งนายสมชายยังผูกเนคไทสีแดงเป็นเครื่องหมายแสดงสัญลักษณ์อย่างชัดเจน

ด้าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รอช้าหลังนายใหญ่ถูกพาดพิง ได้แถลงโต้ว่าที่นายบอล ให้การว่า นายสมชาย ซึ่งเป็นคนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้จ้างให้นายบอลสังหารนายเอกยุทธ ว่า เรื่องนี้เป็นความเท็จ และใช้จินตนาการมาบิดเบือนและใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ โดยคาดหวังให้คนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังการสังหารนายเอกยุทธ ขอย้ำว่าเป็นความเท็จ และน่าละอายที่บุคคลซึ่งมีอาชีพทนายความใช้ความเท็จมาทำลายคนอื่นเพื่อหวังผลทางการเมือง พร้อมทั้งได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า “เป็นตัวอย่างทนายเลว”

นายนพดล กล่าวว่าสิ่งที่ตนได้กระทำลงไปก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสิ่งที่ตนพูดไปไม่เป็นการหมิ่นประมาท และไม่เป็นความเท็จ เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต อีกทั้งเป็นการปกป้องสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากการที่ นายสุวัตร และ น.ส.อัจฉราได้แถลงข่าวดังกล่าว

“ตั้งแต่เริ่มมีคดีนายเอกยุทธ ฝ่ายการเมืองก็ถูกบิดเบือนใส่ร้ายมาโดยตลอดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารนายเอกยุทธ ซึ่งเป็นความเท็จ ไม่ควรมีการพาดพิงใส่ร้ายคนอื่นให้เกิดความเสียหายเพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง ถ้าหากนายสุวัตรฟ้อง ผมพร้อมจะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีความกังวลใดๆ เลย”

ขณะที่ ทนายสุวัตร ได้ตัดสินใจเดินทางมายื่นฟ้อง นายนพดล ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 หลังได้รับทราบข้อความที่ถูกโพสต์ในเฟชบุ๊ก โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 21 ต.ค.2556 เวลา 10.00 น.

นายสุวัตร เปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ ใน 2 ข้อหา เพราะได้โพสต์เฟซบุ๊ก หมิ่นประมาทตนเองติดต่อกัน 2 วัน คือวันที่ 16-17 ส.ค.2556 มีข้อความกล่าวหาทำนองว่า “ตนเป็นทนายความที่กุเรื่อง บิดเบือนใส่เรื่อง กุเรื่อง ใช้จินตนาการ เพื่อใส่ร้ายทักษิณ อยู่เบื้องหลังการสังหารนายเอกยุทธ เป็นเรื่องที่เหลวไหล เลอะเทอะ น่าละอายเป็นอย่างยิ่ง และเป็นทนายตัวอย่างที่เลว ซึ่งระบุว่าจะแจ้งความเอาผิดตนเอง เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่เลวในสังคมไทย ที่นำเรื่องความเท็จมาแต่งเพื่อใส่ร้ายคนอื่นเพื่อหวังผลทางการเมือง”

“อยากท้าให้นายนพดล ซึ่งเป็นทนายความอยู่แล้ว มาฟ้องผมโดยตรงต่อศาลเลย ไม่ต้องผ่านตำรวจ เพราะว่าผมจะได้ซักค้านนายนพดลด้วยตัวเอง และอยากจะเจอกับนายนพดลในศาลแบบตัวต่อตัว”

นายสุวัตร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้คำพูดตนเป็นลักษณะการตั้งคำถามเพื่อชี้ประเด็นให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบในประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ ไม่ใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง เช่น นายสมชาย มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร และนายบอล กับนายสมชาย เคยไปที่พรรคเพื่อไทย หรือไม่ และจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่านายสมชายเคยได้งานประมูลของรัฐบาล มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ตนกำลังตรวจสอบข้อมูลอีกว่านายสมชาย จิตปรีดากร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความสนิทสนมกันมากน้อยเพียงใด

“ความจริงตนอยากให้นายสมชาย มายื่นฟ้องตนเองมากกว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เพราะว่านายสมชาย อยู่ในประเทศไทย และสามารถมาเบิกความต่อศาลได้ และตนเองมีประเด็นที่จะซักถามนายสมชาย หลายประเด็น เช่น นายสมชาย เคยพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จริงหรือไม่, เดินเข้าออกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และเคยได้รับงานประมูลสัมปทานมูลค่าจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งนายสมชายก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน และให้ปากคำไปแล้ว โดยอ้างว่าไม่รู้จักกับนายบอล แต่เคยทำงานด้วยกันจริง แต่เป็นเพียงพนักงานขับรถปลายแถวของบริษัทเท่านั้น ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ซึ่งถ้าหากตำรวจจะสอบสวนจริงๆ ทำไมจะสอบสวนไม่ได้ว่านายสมชายเคยไปที่พรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่พนักงานสอบสวนชุดนี้ มักจะเชื่อคำให้การของผู้ที่ถูกกล่าวหา โดยไม่มีการสอบข้อเท็จจริง”

คำท้าของทนายสุวัตร เพื่อเรียกร้องให้บุคคลที่ถูกพาดพิงออกมาฟ้องร้อง เพื่อจะได้ซักค้านและเบิกความพิสูจน์ความจริงกันในชั้นศาล แต่จนถึงบัดนี้ ทั้ง นายนพดล นายสมชายหรือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ยังไม่ได้ดำเนินการฟ้องร้อง แต่กลับใช้วลี สาดโคลนตอบโต้ การทำหน้าที่ตามวิชาชีพทนายความ ทั้งที่พนักงานสอบสวนจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จริงตามหน้าที่

ตร.ไทยในยุคนี้ จึงไม่ต่างจากนักการเมืองที่มักใช้วาทะอภิปรายเสียดสีกันในสภา มากกว่าจะใช้ฝีมือสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีให้สังคมหายไขข้อสงสัยว่า ใครคือผู้บงการอุ้มฆ่า “นายเอกยุทธ” ตัวจริง?
นายสมชาย จิตปรีดากร ประธานบริษัท  ทีซีเอ็มหรือทรีวิว (เนกไทสีแดง) เข้าให้ปากคำพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ปฏิเสธไม่มีความสนิทสนมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น