ภรรยา “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” ร้องกรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อขอรับการคุ้มครองพยาน หลังอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงถูกคุกคาม ยอมรับได้นำทรัพย์สินบางส่วนออกจากตู้นิรภัยของธนาคาร เพื่อนำไปเลี้ยงดูบุตรซึ่งถือเป็นสินสมรส ด้าน อธ.เตือน “เอ็กซ์” ถือเป็นผู้ต้องหา ระวังกระทำการหากไม่เหมาะสมอาจผิดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว
วันนี้ (5 ก.ย.) น.ส.ณิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยานายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอรับการคุ้มครองพยาน เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยหลังจากที่นายจักรกฤษณ์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตนฐานร่วมกันลักทรัพย์จากเหตุที่นำทรัพย์สินบางส่วนออกจากตู้นิรภัยของธนาคาร
น.ส.ณิธิวดีเปิดเผยว่า กรณีที่ถูกกล่าวหาลักทรัพย์จากตู้เซฟของธนาคาร ยืนยันว่าก่อนหน้านี้นายจักรกฤษณ์เคยมอบกุญแจเซฟไว้ให้ 1 ดอกและอนุญาตให้ไขได้ตลอด เพราะถือเป็นทรัพย์สินร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ไปเยี่ยมนายจักรกฤษณ์ในเรือนจำ นายจักรกฤษณ์บอกว่าหากออกจากเรือนจำไปได้จะนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปซื้อรถและไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ ดังนั้น ในฐานะแม่จึงต้องการกันทรัพย์สินส่วนหนึ่งไว้เพื่อลูก จึงได้นำกุญแจไปขอไขทรัพย์สินกับธนาคาร ซึ่งธนาคารไม่ได้ขัดข้องและไม่ได้สอบถามใดๆ
“ยืนยันว่าไม่ได้นำทรัพย์สินออกมาทั้งหมด และไม่ทราบว่าทรัพย์สินมีมูลค่ามากถึง 60 ล้านบาทหรือไม่ เพราะหยิบมาเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัวบางส่วน เช่น เครื่องเพชร และทรัพย์สินบางส่วนที่ทำร่วมกันมา โดยได้ขอเปิดเซฟอีกตู้ เพื่อเก็บทรัพย์สินที่แยกออกมา แต่ล่าสุดได้นำทรัพย์สินออกไปเก็บไว้ที่อื่นแล้ว” น.ส.ณิธิวดีกล่าว
น.ส.ณิธิวดีกล่าวต่อว่า แม้หลังออกจากเรือนจำจะยังไม่พบว่านายจักรกฤษณ์มีพฤติกรรมข่มขู่ ติดตามทำร้ายอย่างชัดเจน แต่มีคำพูดบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายใจ และที่สำคัญเท่าที่สังเกตยังพบว่านายจักรกฤษณ์ยังมีอารมณ์รุนแรง เพราะมีโรคส่วนตัวคือภาวะอารมณ์แปรปรวน โดยวันแรกที่ออกจากเรือนจำเคยพาลูกไปหา แต่นายจักรกฤษณ์อารมณ์ไม่ดีและเคยข่มขู่ โดยหลังนายจักรกฤษณ์ออกจากเรือนจำก็ไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน เพราะย้ายออกมาเช่าที่พักเอง ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ต้องเข้าขอความคุ้มครองพยานเป็นเพราะเป็นห่วงลูกทั้ง 2 คน เพราะตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมายังไม่กล้าให้ไปโรงเรียน เนื่องจากเกรงว่านายจักรกฤษณ์จะมารับตัวไป ดังนั้นจึงขอให้กรมคุ้มครองสิทธิช่วยคุ้มครองครอบครัวด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวต่อว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯ จะรับคำร้องเข้าสู่การคุ้มครองพยานตามกฎหมายโดยจะพิจารณาว่าจะคุ้มครองเองหรือจะประสานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาช่วยดูแล โดยจะให้ความคุ้มครองไปถึงลูกทั้งสองด้วย ส่วนเงื่อนไขเกี่ยวกับกรณีที่นายจักรกฤษณ์จะสามารถพบลูกได้หรือไม่ จะสอบถามความสมัครใจของ น.ส.ณิธิวดีว่าต้องการได้รับการคุ้มครองขนาดไหน เพื่อให้เกิดความสบายใจ เบื้องต้นอาจทำหนังสือไปถึงนายจักรกฤษณ์เพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว พร้อมขอร้องให้หลีกเลี่ยงและระมัดระวังในการเข้าหาผู้ที่อยู่ในการคุ้มครองพยาน เนื่องจากนายจักรกฤษณ์ถือเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษ หากกระทำการไม่เหมาะสมอาจผิดเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวนายจักรกฤษณ์เองด้วย