รักษาการอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมสองสามีภรรยาลักลอบขนงาช้างเข้าประเทศไทย น้ำหนักรวม 105 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท
วันนี้ (30 ส.ค.) ที่กรมศุลกากร นายยุทธนา หยิมการุณ รองอธิบดีฯ รักษาการอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายเสริมยศ สมมั่น รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมแถลงข่าวการจับกุมงาช้างลักลอบนำเข้า 27 รายการ น้ำหนักรวม 105 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท
นายยุทธนา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เวลาประมาณ 15.30 น.เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายปราบปราม (ฝปป.) ส่วนควบคุมทางศุลกากร (สคศ.) สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สผภ.) ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้รับแจ้งจากฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อีกว่า เมื่อตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าจำนวน 4 ใบ ซึ่งมาจากลูอันดา ประเทศแองโกลา ด้วยสายการบินเอธิโอเปีย เที่ยวบินที่ อีที 850 ผ่านเมืองแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เที่ยวบิน อีที 628 ส่งมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีความประสงค์จะส่งต่อไปยังเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ด้วยสายการบินกรุงเทพ พีจี 909 พบวัตถุต้องสงสัยว่าอาจเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.เจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันไปรอเปิดตรวจบริเวณข้างประตูทางออก ซี 1 เอ ซึ่งเป็นทางออกขึ้นเครื่องบิน การบินกรุงเทพ เที่ยวบิน พีจี 909 แต่ไม่พบผู้ที่ใช้นามว่า MRS.PHAM THI KIM CHI และ MR.PHAM NGOC TUAN ที่มีชื่อปรากฏที่บัตรผูกกระเป๋าทั้ง 4 ใบมาขึ้นเครื่องบินดังกล่าว และทราบในภายหลังจากสายการบินดังกล่าวว่า ทั้ง 2 คนไม่มารายงานตัวเพื่อขึ้นเครื่อง จึงทำการเปิดตรวจกระเป๋าต่อหน้าเจ้าหน้าที่สายการบิน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ซึ่งภายในพบเป็นงาช้าง ลูกปัดทำด้วยงาช้าง และเศษวัสดุที่เป็นงาช้าง จำนวนกว่า 27 รายการ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการติดตามตัวทั้ง 2 คน จนพบภายในอาคารผู้โดยสาร ทราบว่าทั้ง 2 คน ถือหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
“ผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน เขายอมรับแล้วว่ารับค่าจ้างขนส่งเที่ยวละ 50,000 บาท แล้วทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยจะส่งต่อไปยังเสียมราฐ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำต่อไป” นายยุทธนากล่าว
นายยุทธนา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานนำหรือพาของต้องห้ามต้องกำจัด ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 ฉบับปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2542 ฐานนำเข้าหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี หรือ ผู้ที่อธิบดีมอบหมาย อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร 2469 ประกอบมาตรา 16, 17 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับ 9) พ.ศ.2482 ซึ่งหลังจากกรมศุลกากรยึดของกลางดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการส่งของกลางไปยังด่านตรวจสัตว์ป่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีและติดตามขยายผลต่อไป
ด้าน นายเสริมยศ เผยว่า เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ มักจะเฝ้าระวังผู้โดยสารและกระเป๋าสัมภาระที่มาจากประเทศแถบแอฟริกา เนื่องจากสัตว์ป่า และของหายากจากฝั่งนั้นค่อนข้างเยอะ เนื่องจากราคางาช้างสูงมาก โดยเฉพาะช้างแถบแอฟริกาที่มีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 150,000 -300,000 บาท จึงทำให้พบคนกระทำความผิดเยอะขึ้น ซึ่งในกรณีดังกล่าวคาดว่าชาวเวียดนาม 2 คนจะนำงาช้างเข้าเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เพื่อส่งต่อไปแกะสลักต่อที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแกะสลักงาช้างและไม้อยู่แล้ว หลังจากนั้นอาจมีการนำไปขายต่อที่ประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ได้ราคาดีขึ้น โดยอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท