“ธาริต” ยันคดี “สมีคำ” ชำเราเด็กยังไม่ขาดอายุความแน่นอน! ผอ.นิติวิทย์ตอกกลับ “ทนายสุกิจ” คราบน้ำลายผ่านไป 10 ปีสามารถตรวจได้ไม่เลือนหาย
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ กลับมาดำเนินคดีว่า ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ประสานอดีตพระเณรคำเพื่อหารือเรื่องจะเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ผู้ประสานงานอดีตพระเณรคำตั้งข้อสังเกตว่าคดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ขาดอายุความแล้วนั้น ตนได้ตรวจสอบประเด็นดังกล่าวกับพนักงานสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าคดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ยังไม่ขาดอายุความแน่นอน เพราะมีอายุความ 20 ปี ขณะนี้ดีเอสไอกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนคดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี สั่งฟ้องต่ออัยการในอาทิตย์หน้า เพื่อจะได้เริ่มกระบวนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอมั่นใจในพยานหลักฐานคดีอดีตพระเณรคำ และไม่ได้หนักใจในประเด็นการต่อสู้คดี ขณะนี้กระบวนการทำงานแบ่งออกเป็นสองส่วนทั้งรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวน และกระบวนการติดตามตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดี
สำหรับกรณีที่นายสุกิจ พูนศรีเกษม ผู้ประสานงานอดีตพระเณรคำ อ้างถึงผลการตรวจดีเอนเอจากก้นบุหรี่ซิการ์ของอดีตพระเณรคำว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมากว่า 10 ปี และคราบน้ำลายที่นำมาตรวจนั้นเวลาผ่านมา 10 ปีแล้ว ถ้าน้ำลายยังอยู่อย่างนั้นต้องไปเขียนตำรากันใหม่ และถ้าวันหนึ่งอดีตพระเณรคำมามอบตัวแล้วถุยน้ำลายให้ดีเอสไอนำไปตรวจสอบดีเอ็นเอและผลออกมาไม่ใช่ ใครจะรับผิดชอบ
ผอ.สถาบันนิติวิทย์กล่าวว่า คราบน้ำลายไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็สามารถตรวจได้และไม่เลือนหาย และจากการตรวจพิสูจน์บริเวณก้นบุหรี่นั้นก็พบทั้งเยื่อริมฝีปาก และเยื่อบุกระพุงแก้ม แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคราบเหล่านั้นยังคงอยู่ เช่นเดียวกับการตรวจดีเอ็นเอไดโนเสาร์ หรือศพที่ถูกฝังมานานก็ยังสามารถตรวจดีเอนเอได้ และถ้าวันที่อดีตพระเณรคำมามอบตัวพร้อมน้ำลายไปตรวจก็ยิ่งดี