ผบก.น.7เผยความคคืบหน้าติดตามคนร้ายปาระเบิดทหารคนสนิท "ป๋าเปรม"รอผลตรวจดีเอ็นเอคาดคนร้ายแฝงตัวเข้ามาในหมู่บ้านก่อนลงมือก่อเหตุ
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่บก.น.7 พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.7 เปิดเผยความคืบหน้าจากกรณี มีคนร้ายปา ระเบิดชนิดขว้าง รุ่น เอม เค 2 ของรัสเซีย เข้าไปภายในบ้าน เลขที่ 20/21หมู่บ้านร่มรื่นซอย 5 ถนนบรมราชชนนี ซอย 42 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม. ของ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรีและคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากระเบิดไม่ได้ถูกดึกสลักออกเมื่อกลางดึกของวันที่ 31 ก.ค. ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้นว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุในวันเกิดเหตุได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง โดยประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ อีโอดี และกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อไปเก็บกู้และเก็บหลักฐาน ในที่เกิดเหตุ โดยทางฝ่ายผู้เสียหายก็ได้ส่งตัวแทนมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน. ตลิ่งชันเป็นที่เรียบร้อยแล้วแล้ว ตามกระบวนการทุกอย่างถูกต้อง ในตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด
“แต่ตนได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะมาแฝงตัวอยู่ภายในหมู่บ้านก่อนที่จะลงมือก่อเหตุในยามวิกาลเนื่องจากางด้าน รปภ.ของหมู่บ้านนี้จะมีความเข้มงวดต่อผู้ที่จะเข้าออกหมู่บ้านในยามวิกาล ต้องและบัตรเข้าออกทุกครั้ง แต่กับไม่พบว่ามีบุคคนที่ต้องสงสัย เข้าออกเวลาดังกล่าว ส่วนเรื่องทิศทางของวิถีการปาระเบิดนั้นต้องรอผลการพิสูจน์ออกมาก่อนยังบอกไม่ได้ว่ามาจากจุดใด แต่น่าจะไม่ไกลเพราะไม่อย่างนั้น กระถางคงจะได้รับความเสียหายมากกว่านี้ ส่วนจุดมุ่งหมายของคนร้ายเชื่อว่าประสงค์เพียงข่มขู่เจ้าของบ้าน เนื่องจากสลักไม่ได้ถูกดึงออก หากหวังผลจะทำลายหรือให้ได้รับบาดเจ็บ คงจะดึงสลักออกเพื่อให้ระเบิดทำงานและสร้างความเสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามจะรีบสั่งการให้ชุดสืบสวน ตามหาตัวพยานที่อยู่ละแวกใกล้เคียงร่วมทั้งรปภ.ที่เข้าเวรในเวลาดังกล่าวเพื่อมาสอบปากคำ อีกทั้งจะตรวจหากล้องวงจรปิดตามที่เส้นทางคนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุ และหลบหนี ก่อนจะรอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอเพื่อตามหาคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป” พล.ต.ต.ชาญ กล่าว
ด้านพ.ต.ท.ชูพงศ์ ยอดพราหมณ์ สว.สส.สน.ตลิ่งชัน กล่าวว่า หลังจากเหตุเกิดก็ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อหาข่าวและกล้องวงจรปิด ในพื้นที่ใกล้เคียงพบว่า กล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน ไม่สามารถใช้การได้ ส่วนหน้าบ้านหลังดังกล่าว ไม่ได้มีการติดตั้งกล้องไว้จึงยังไม่ทราบว่าคนร้ายนั้น ใช้รถชนิดใดเป็นยานพาหนะ และก่อเหตุกันกี่คน นอกจากนี้จากการสอบสวนพยาน ภายในแคมป์คนงาน ที่อยู่ตรงข้ามจุดเกิดเหตุนั้น ไม่มีใครได้ยินหรือพบเห็นสิ่งผิดปกติแต่ย่างใด