ดีเอสไอพบเงินหมุนเวียนในบัญชี “อาเต๋อ” ตัวการลักลอบนำยาซูโดอีเฟดรีนสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตยาบ้ากว่า 3,505 ล้านบาท
ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (1 ส.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยมี นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน
นายธาริต กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ก.ค.56 เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. ประเทศพม่า ได้จับกุมตัว นายสมชัย หรือ อาเต๋อ รักยอดยิ่ง ผู้ต้องหา แล้วส่งมอบตัวให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.ประเทศไทย โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ไปรับตัวนายสมชัย ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในการลักลอบนำยาซูโดอีเฟดรีนออกไปผลิตเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้าไว้ทำการสอบสวน และขณะนี้ได้ขอศาลฝากขังที่ศาลอาญา
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พฤติการณ์ของนายสมชัย กับพวก คือได้กระทำร่วมกันโดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ โดยมี นายแบงก์ ที่ถูกออกหมายจับเป็นผู้มีหน้าที่จัดหาและรวบรวมยาแก้หวัดแล้วส่งยาแก้หวัดไปให้นายสมชัย รักยอดยิ่ง และนายอุดร การสมพรต ผู้ต้องหาทั้งสองแล้วผู้ต้องหาทั้งสองจะเป็นผู้นำยาดังกล่าวไปแกะเม็ดยาออกจากแผงที่บ้านเช่า จากนั้นจะมีผู้มารับเม็ดยาที่แกะแล้วไปส่งต่อ ส่วนแผงยาเปล่าที่แกะเม็ดยาออกแล้ว นายสมชัย และ นายอุดร ได้ทำการบดทำลายด้วยเครื่องทำลายเอกสาร และยังนำเศษชิ้นส่วนของแผงยาเปล่าทั้งที่บดละเอียดแล้ว และที่ยังไม่บดละเอียดไปทิ้งที่กองขยะ จนกระทั่งมีการตรวจพบดังกล่าว
จากการสืบสวนสอบสวนขยายผลทราบว่า นายสมชัย มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบุคคลอีกหลายคน ประกอบกับจากการทำธุรกรรมทางบัญชีธนาคาร พบว่ามีการโอนเงินระหว่างกัน และเชื่อมโยงไปยังนักค้ายาเสพติดที่ถูกดำเนินคดีในชั้นศาลหลายราย และจากการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางบัญชีธนาคารของนายสมชัย ยังพบว่ามีกลุ่มบุคคลประมาณ 6 กลุ่มที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกรณีดังกล่าว โดยมีการโอนเงินเข้า-ออกจากบัญชีของผู้ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนประมาณ 3,505 ล้านบาท ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีน อย่างไรก็ตามคณะทำงานดีเอสไอจะประสานงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางทางการเงินอีกทางหนึ่งต่อไป
