เลขาธิการ ป.ป.ส.เข้าเยี่ยมอาการ นศ.สาวเหยื่อถูกกระสุนลูกหลงขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้่ายที่ลักลอบขนยาเสพติดใจกลางกรุง จนมีการปะทะส่งผลให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย เตรียมชดเชยเงินกรมคุ้มครองสิทธิฯ 2 หมื่น และกองทุน ป.ป.ส.อีกจำนวน 5 หมื่นบาท พร้อมวอนแม่เด็กทารกมารับตัวกลับไปเลี้ยงดู ล่าสุดมีอาการผื่นแดงเล็กน้อย ยืนยันไม่จับดำเนินคดี
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (31 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส.ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการ น.ส.สมฤดี วนะวนานต์ อายุ 22 ปีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร เหยื่อลูกหลงการจับกุมยาเสพติดบริเวณสะพานเทวกรรม เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่พักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ห้อง 904 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมเด็กชายวัย 3 เดือน ที่พบอยู่ในรถของนายวาริศนนท์ เรืองกมล อายุ 32 ปี คนร้ายที่เสียชีวิต ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่หอผู้ป่วยเด็ก ชั้น 4 ตึกกุมารเวช
น.ส.สมฤดีเล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกับเพื่อนเลิกเรียนไปนั่งรับประทานข้าวที่ร้านอาหารห่างจากที่เกิดเหตุค่อนข้างไกล จากนั้นได้ยินเสียงปืนคิดว่าเป็นแค่เพียงเหตุทะเลาะวิวาท และไม่เห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้าไปในร้าน จากนั้นได้รู้สึกว่าหน้าชา มีเลือดไหลออกมาจากแก้มด้านซ้ายไหลถูกเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ เจ้าของร้านได้เรียกรถป่อเต็กตึ๊งนำส่ง รพ.หัวเฉียว ซึ่งตนเองมีสติรู้สึกตัวตลอด
น.ส.สมฤดีกล่าวว่า ตอนนี้แพทย์บอกว่ากระสุนเฉี่ยวแก้มถูกต่อมน้ำลาย ตอนนี้ยังรู้สึกชา แต่ไม่เป็นอะไรมาก แพทย์บอกว่าหลังจากนี้ต้องทำศัลยกรรมผ่าตัดตกแต่งให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตนเองเข้าใจการทำงานของตำรวจคิดว่าตำรวจคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ แต่อยากให้ตำรวจรับผิดชอบดูแลอย่างเต็มที่เนื่องจากตนเองต้องเจ็บตัวเพราะการทำงานของตำรวจ ทางตำรวจรับปากว่าจะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่าย และเงินชดเชย ซึ่งถ้าตำรวจรับผิดชอบตามที่บอกไว้ก็คงจะไม่มีการดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมาย
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะคนร้ายมีการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นอันตรายใกล้ถึงแก่ชีวิตของผู้ปฏิบัติ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีที่ น.ส.สมฤดีไม่เป็นอะไรมาก แต่การบาดเจ็บก็เป็นผลพวงจากการทำงานของตำรวจยืนยันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ สำหรับการเยียวยานั้น น.ส.สมฤดีจะได้รับเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 20,000 บาท และเงินช่วยเหลือจากกองทุน ป.ป.ส. จำนวน 50,000 บาท ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.ถึงขั้นตอนการเข้าจับกุมคนร้าย ทราบว่ามีการซักซ้อมยุทธวิธีกันมาโดยตลอด ในส่วนของเด็กชายวัย 4 เดือน ที่อยู่ในรถของคนร้ายจากการตรวจสอบทราบแล้วว่าเป็นลูกของนายวาริศนนท์ คนร้ายที่เสียชีวิต โดยขณะนี้ยังไม่พบตัวแม่ของเด็ก จึงอยากขอประชาสัมพันธ์ให้แม่ของเด็กมารับลูก เพราะตอนนี้ลูกต้องการแม่มาก และยืนยันว่าตำรวจจะไม่ดำเนินคดีกับแม่เด็กอย่างแน่นอนเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด โดยขณะนี้เด็กจะอยู่ในการดูแลของ รพ.ตำรวจไปก่อน ซึ่งขณะนี้เด็กมีสุขภาพดี มีเพียงผื่นแดงตามร่างกาย และมีรอยถลอกจากการถูกเศษกระจกบาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวว่า ในการเข้าจับกุมคนร้ายทุกครั้งมีการคำนึงถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง สำหรับกรณีนี้ก่อนหน้านี้ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามคนร้ายตั้งแต่บริษัท นิ่มซี่เส็ง จำกัด ย่านสะพานขาว แต่ในจุดดังกล่าวมีคนพลุกพล่านจึงยังไม่ลงมือ กระทั่งเมื่อตามมาถึงจุดเกิดเหตุเห็นว่ามีคนไม่พลุกพล่าน จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมแต่คนร้ายไหวตัวทันได้ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมก่อน จำนวน 7 นัด เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงตอบโต้คนร้าย ซึ่งจุดที่ น.ส.สมฤดีนั่งรับประทานอาหารอยู่ห่างจากจุดที่ตำรวจปฏิบัติการ 100 เมตร ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากระสุนที่ถูก น.ส.สมฤดี เป็นของตำรวจหรือของคนร้าย ต้องรอตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการทบทวนยุทธวิธีในการเข้าที่เกิดเหตุ หรือการเข้าจับกุมคนร้ายมาโดยตลอด ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.มีความห่วงใยเรื่องนี้ได้กำชับมายังตนให้ดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้กับ น.ส.สมฤดี อย่างเต็มที่ รวมถึงให้ทบทวนยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีความรัดกุมมากกว่านี้ด้วย