ตัวแทนโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา พบ พงส.สน.สำเหร่ ให้ปากคำ กรณีเด็กหญิง 3 ขวบ พลัดตกรถอาการสาหัส เผยเข้าเยี่ยมดูแลอาการที่ รพ.เป็นอย่างดี ชี้อาการเด็กดีขึ้นแล้ว!
จากกรณี ด.ญ.ปาริตา จันทร์มณฑล หรือ “น้องพอใจ” อายุ 3 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 1 ของโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา ซึ่งถูกล้อรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ไฮเอช สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฮม 3985 กรุงเทพมหานคร มี นายวุฒิพงษ์ สุวรรณศิริศิลป์ อายุ 46 ปี พนักงานขับรถตู้ของทางโรงเรียนคันดังกล่าว เป็นผู้ขับซึ่งล้อรถข้างซ้ายเหยียบทับเข้าที่ร่างน้องพอใจ บริเวณชายโครงอย่างจัง จนทำให้ไหปลาร้าซีกขวาหักและกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด 5 ซี่ มีอาการเลือดตกค้างอยู่ภายในตัวเป็นจำนวนมาก แพทย์ต้องนำเข้าห้องไอ.ซี.ยู.เพื่อยื้อชีวิตอย่างเร่งด่วน เหตุเกิดบริเวณกลางซอยเจริญนคร 18 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ วานนี้ (4 ก.ค.) ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (5 ก.ค.) พ.ต.อ.ธงชัย บุญสมบัติ ผกก.สน.สำเหร่ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า หลังจากเกิดเหตุวานนี้ ทาง ซิสเตอร์ ดร.มาลีรัตน์ บุญอนันตบุตร ผอ.อัสสัมชัญศึกษา ได้เดินทางเข้าเยี่ยม “น้องพอใจ” แล้วที่โรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี หลังจากนั้นทางผู้ปกครองของ ด.ญ.ปาริตา หรือ น้องพอใจ มีความกังวลใจในเรื่องเครื่องมือแพทย์ จึงได้ขอย้ายตัวไปรักษาต่อที่ รพ.กรุงเทพ ถนนพระราม 9 เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.วานนี้ (4 ก.ค.) โดยทาง สน.สำเหร่ ได้ประสานไปยังรถพยาบาลของทางโรงพยาบาล พร้อมรถเจ้าหน้าที่ตำรวจในการอำนวยความสะดวกในเคลื่อนย้ายเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับประสานไปยังฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน เจ้าของท้องที่ ให้ช่วยดูแลคดีดังกล่าวอีกด้วย ขณะนี้น้องพอใจ มีอาการปอดฉีก เลือดไหลในปอด ต้องอาศัยเลือดไปเลี้ยงสมองให้ทัน ซึ่งแพทย์ได้เฝ้าดูอาการตลอดเวลา คอยให้เลือดเลี้ยงสมองได้ทัน อาการยังคงทรงตัว ต้องรอดูอาการภายใน 48 ชม.เสียก่อนว่าผลเป็นอย่างไร สำหรับสาเหตุนั้นน่าจะเป็นความประมาทของคนขับรถที่รถรับส่งไม่มีพี่เลี้ยง มีเพียงคนขับกับเด็กเล็กเท่านั้น ในขณะเกิดเหตุนั้นก็เป็นเวลาที่อยู่ภายในซอยเจริญนคร 18 ซึ่งเป็นซอยบ้านน้องพอใจ และรถตู้วิ่งด้วยความเร็วไม่มากนัก อาจเกิดจากความซนของเด็กเล็กด้วยความไม่รู้ประสาไปเปิดประตูเอง ทำให้พลัดหล่นลงมา เพราะจากการตรวจสอบและทำการสาธิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าภายในรถตู้ขณะรถเคลื่อนตัวไม่เร็วนัก ทำให้ประตูรถมีน้ำหนักเบาลงจะสามารถปลดล็อกได้ง่ายเพียงเปิดนิดเดียวประตูสามารถเปิดออกได้เลย
พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองเด็ก กับผู้ประกอบการธุรกิจรถตู้เอกชนดังกล่าว ให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากในเรื่องของการจัดหารถตู้ให้ลูกหลานของตน ให้ดูว่ามีความปลอดภัยและการบริการเป็นอย่างไร มีพี่เลี้ยงคอยดูแลภายในรถหรือไม่ เพราะเพียงคนขับคนเดียวไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงอยู่แล้ว เพราะความปลอดภัยเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด แม้แต่ทางโรงเรียนก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กนักเรียนเช่นเดียวกัน ให้ช่วยสอดส่องดูแล ข้อแนะนำควรให้ภายในรถตู้นั้นมีเซฟตีเบลล์คาดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กวิ่งไปวิ่งมา ส่วนทางโรงเรียนถึงแม้รถรับส่งจะไม่ใช่ของทางโรงเรียนโดยตรง แต่ควรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบไม่โดยตรงก็ไม่ควรมีการผลักภาระ โดยวันนี้เชิญทาง ผอ.โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา เข้าให้ปากคำ ดูไปตามข้อเท็จจริงก่อนจะเข้าข่ายควรแจ้งข้อหาหรือไม่ ทางด้านคนขับรถได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส ก่อนนำตัวส่งศาลอาญาธนบุรีฝากขังในช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนจะได้ประกันตัวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ทางด้าน พ.ต.ท.อาวุธ อุดมรัตน์ พงส.ผนพ.(หน.) สน.สำเหร่ กล่าวว่า โดยวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวทางซิสเตอร์ ดร.มาลีรัตน์ บุญอนันตบุตร ผอ.อัสสัมชัญศึกษา เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องรถรับส่งนักเรียนดังกล่าว เบื้องต้นต้องสอบถามว่ารถคันดังกล่าวเป็นของทางโรงเรียนเองหรือไม่ ถ้าหากเป็นของทางโรงเรียนจะทำการแจ้งข้อหาประมาทร่วม เนื่องจากไม่มีครูพี่เลี้ยงคอยดูแลในรถ พร้อมกับได้ทำการตรวจสอบและสาธิตวิธีการปลดล็อกขณะรถขับเคลื่อนว่า เพียงเด็กเล็กจะสามารถเปิดประตูออกเองได้ง่ายหรือไม่ สันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ ขณะทำการสาธิตมีนักข่าวสาวทดลองแล้วพบว่ารถเคลื่อนตัวออกนั้น ประตูรถมีแรงโน้มถ่วงไปด้านหลัง ทำให้ประตูอ้าออกได้รวดเร็ว ประกอบกับพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่าเห็นรถขับเคลื่อนมาทั้งที่ประตูยังปิดสนิทอยู่ จากนั้นก็พบเด็กหญิงพลัดตกลงมา
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. อ.สุจิตรา สุริยะโยธิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา เป็นตัวแทนของ ซิสเตอร์ ดร.มาลีรัตน์ บุญอนันตบุตร ผอ.อัสสัมชัญศึกษา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อาวุธ อุดมรัตน์ พงส.ผนพ.(หน.) สน.สำเหร่ เจ้าของคดีที่ได้เชิญมาสอบปากคำ โดย อ.สุจิตรา กล่าวว่า ที่เดินทางมาวันนี้จะตอบทุกคำถามที่ทางพนักงานสอบสวนถาม ส่วนเรื่องรถโรงเรียนรับส่งนั้น ยืนยันว่าเป็นรถอิสระของทางเอกชนที่ติดต่อกับทางผู้ปกครองเด็กกันเองในเรื่องค่าใช้จ่ายและรับส่ง ซึ่งมีทั้งหมด 17 คัน ในระยะเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์กรณีดังกล่าวมาก่อน เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก โดยทางโรงเรียนมีหน้าที่อำนวยความสะดวกในเรื่องที่จอดรถ และดูแลตามกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการที่ให้มา แล้วจะนำมาประชุมมอบให้กับคณะผู้ประกอบการธุรกิจรถเอกชนตลอด หลังจากนี้ทาง ผอ.โรงเรียน จะมีการชี้แจงในเว็บไซต์ของโรงเรียนถึงกรณีดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เร็วๆ นี้ เมื่อช่วงสายอาจารย์ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมน้องพอใจที่ รพ.กรุงเทพ มาแล้วได้เห็นสีหน้าและแววตาอาการคงยังทรงตัว ดูจากสีหน้าแล้วคงเป็นความโชคดี จากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำต่อไป