DSI พบเลขรถบีเอ็มดับเบิลยูหรู ที่ถูกไฟไหม้ เข้าข่ายสำแดงเท็จเพิ่ม ชี้ผู้ประกอบการหัวใสนำเลขปลอมไปเสียภาษีสรรพสามิต จ่อประสาน บ.แม่ในต่างประเทศเอาผิดนำเข้ามาประกอบในไทยจริงหรือไม่ จ่อขอหมายค้น 5 จุดต้องสงสัย ล่าแก๊งนำเข้าเฟอร์รารี่เถื่อน
วันนี้ (1 ก.ค.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีปฏิบัติการพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีไฟไหม้รถหรู 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า ขณะนี้ดีเอสไอทราบหมายเลขเครื่องและหมายเลขตัวถังของรถบีเอ็มดับเบิลยูคันที่ถูกไฟไหม้แล้ว โดยทราบผลการตรวจสอบจากบริษัทบีเอ็มดับเบิลยูในต่างประเทศ แต่ยังใช้ไปขยายผลไม่ได้ เพราะรถบีเอ็มดับเบิลยูคันที่ถูกไฟไหม้ มีการใช้แผ่นโลหะตอกหมายเลขตัวถังรถปลอมติดครอบเลขตัวถังที่แท้จริง ซึ่งหมายเลขตัวถังปลอมมีการนำไปเสียภาษีสรรพสามิต แต่จากการตรวจสอบรถบีเอ็มดับเบิลยูถูกไฟไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ไม่สามารถตรวจหาเลขตัวถังหรือเลขเครื่องที่มีการนำไปเสียภาษีสรรพสามิตได้ ดีเอสไอจะประสานไปยังบริษัทแม่ของบีเอ็มดับเบิลยูในต่างประเทศอีกครั้ง เพื่อขอทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือรถคันเกิดเหตุเข้ามาใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนขยายผลต่อไป
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากดีเอสไอเพิ่มเติมว่า ดีเอสไอได้รับแจ้งจากบริษัทแม่ของบีเอ็มดับเบิลยูในต่างประเทศว่า จากการตรวจสอบพวงกุญแจคอมพิวเตอร์ของรถบีเอ็มดับเบิลยูที่เกิดเหตุไฟไหม้ทราบหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถัง เบื้องต้นพบว่ารถบีเอ็มดับเบิลยูถูกผลิตที่ประเทศอเมริกา โดยมีข้อมูลแจ้งจำหน่ายที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2010 ดีเอสไออยู่ระหว่างประสานกับบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศเพื่อขอทราบผู้ที่เกี่ยวข้องในการซื้อขายรถบีเอ็มดับเบิลยูคันเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นเบาะแสพิสูจน์ว่าเป็นรถนำเข้าชิ้นส่วนเข้ามาประกอบเป็นคันใหม่ในประเทศไทยจริงหรือไม่
ส่วนกรณีรถเฟอร์รารี สีแดง ที่ถูกไฟไหม้ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งดีเอสไอสอบสวนจนทราบผู้ที่เกี่ยวข้องในการแจ้งนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์มาประกอบในประเทศ ก่อนที่จะนำไปยื่นเสียภาษีสรรพสามิต และนำไปจดทะเบียนที่จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุดดีเอสไอกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อไปขออนุมัติศาลออกหมายค้น เพื่อเข้าค้นแหล่งต้องสงสัย 5 จุด ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้ารถเฟอร์รารี่ โดยเฉพาะโรงงานที่แจ้งว่าเป็นสถานที่ประกอบรถเฟอร์รารีในประเทศไทย รวมทั้งตรวจสอบบริษัทที่รับซื้อรถเฟอร์รารี่
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้สรุปผลการตรวจสภาพรถหรูจดประกอบในวันที่ 6 ดังนี้ 1.รถเบนซ์ ทะเบียน กท 3057 พระนครศรีอยุธยา ของนายสุขสันต์ จันทร์วิกูล ผลมีเลขเกียร์ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน จึงออกบันทึกรับรองเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องอนุญาตให้นำรถกลับ 2.รถเบนซ์ ทะเบียน กต 6183 สระบุรี ของนายกังวาน เจียรพันธ์ ผลมีเลขเกียร์ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน จึงออกบันทึกรับรองเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องอนุญาตให้นำรถกลับ 3.รถเบนซ์ ทะเบียน กต 677 สระบุรี ของนายวินัย บุญวัฒนโสภณ ผลมีเลขเกียร์ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน จึงออกบันทึกรับรองเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องอนุญาตให้นำรถกลับ 4.รถเบนซ์ ทะเบียน กต 5004 สระบุรี ของนายสมยศ ส่งตระกูล ผลมีเลขเกียร์ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน จึงออกบันทึกรับรองเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องอนุญาตให้นำรถกลับ 5.รถเบนซ์ ทะเบียน กต 9811 สระบุรี ของคุณหญิงกุสุมา แจ่มจำรัส ผลมีเลขเกียร์ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน จึงออกบันทึกรับรองเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องอนุญาตให้นำรถกลับ 6.รถเบนซ์ ทะเบียน กค 7602 อ่างทอง ของ พ.ต.อ.วราวุธ สกลธนารักษ์ รอง ผบก.สารนิเทศ ผลมีเลขเกียร์ เลขเครื่อง ไม่ตรงกับชิ้นส่วนที่ติดตั้งจากโรงงาน จึงออกบันทึกรับรองเป็นรถจดประกอบนำเข้าถูกต้องอนุญาตให้นำรถกลับ และ 7.ส่วนรถเบนซ์ ทะเบียน กท 4985 พระนครศรีอยุธยา ของนายประสิทธิ์ โรจโชติกุล ขอเลื่อนการตรวจออกไป ส่วนยอดผู้สมัครใจนำรถหรูเข้าตรวจสภาพ ปรากฏว่า วันที่ 1 ก.ค.มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถหรูติดต่อขอรับคิวนำรถมาตรวจสภาพ 4 คัน รวมยอดทั้งหมดติดต่อรับคิวนำรถหรูมาตรวจสภาพแล้ว 183 คัน จาก 548 คัน ดีเอสไอได้ขยายเวลารับคิวนำรถหรูมาตรวจสภาพถึงวันศุกร์ที่ 5 มิ.ย.หลังจากเปิดบริการจัดคิวมาแล้ว 2 อาทิตย์
