“ประชา”หลิวลู่ลมโดนใจ“ทักษิณ”

สน.พระอาทิตย์ /สามยอด

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ครม.ปู 5 จะดีด “สารวัตรขี้โม้”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พ้นเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปนั่งเป็นเจ้ากระทรวงจับกัง

เพราะตลอดช่วงที่ผ่านมาข่าวคราวความไม่พอใจในตัว “เหลิม บางบอน”จากทั้ง นายกฯปู และคนบ้านจันทร์ส่องหล้า มีกระเส็นกระสายออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่การขยับ “อินทรีอีสาน”พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มานั่งรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกรมปทุมวันแทนที่นี่ซิต้องเรียกว่าเซอร์ไพรส์เล็กๆ
ก่อนมีการปรับ “ครม.ยิ่งลักษณ์” คาดกันว่าหากมีการปรับครม.เปลี่ยนตัว ร.ต.อ.เฉลิม ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ ดูแลงานตำรวจ คนที่จะมาแทนน่าจะเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. พี่ชายคุณหญิงอ้อ-จมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี เพราะหลังจากเกษียณจากตำแหน่งผบ.ตร.เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2555 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ

ทำให้ทุกสายจับจ้องมองว่า เป็นการเตรียมตัวเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีในอนาคต แต่สุดท้ายพอรายชื่อ ครม.ปู5 คลอดออกมา ก็ไม่ปรากฏชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดังที่หลายคนคาด

การไม่ปรากฏชื่อพล.ต.อ.เพรียวพันธ์เป็นรัฐมนตรี อาจสร้างความแปลกใจให้กับสังคมทั่วไป แต่ถ้าคนในแวดวงสีกากีไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเกินความคาดหมาย เพราะด้วยอุปนิสัย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไม่ชอบการเมืองอยู่แล้ว

หากจะเข้ามาทำงานการเมืองก็จะขอดูเรื่องยาเสพติดเพียงอย่างเดียว และพ.ต.ท.ทักษิณก็รู้ว่าหากมอบหมายให้ อดีตพี่เมีย คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เป็นไม้เป็นมือในด้านการบังคับใช้กฎหมาย อาจจะสั่งหรือบังคับไม่ได้ทุกเรื่อง

โดยเฉพาะเรื่องเสี่ยงๆ เรื่องหมิ่นเหม่ ถ้าเป็นพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องเกรงอกเกรงใจอดีตภรรยาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
“พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก”!!! เป็นชื่อที่ลงตัวมีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

แม้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะยืนยันเสียงหนักแน่น เป็นผู้คัดเลือกรัฐมนตรี ด้วยตัวเอง รวมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊คยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อปรับ ครม.ปู 5 ครั้งนี้ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังต่างก็รู้กันอยู่ว่าทุกตำแหน่งล้วนผ่านตราประทับชอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น

เช่นเดียวกับ “พล.ต.อ.ประชา” ที่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตีตราประทับนายห้างดูไบเรียบร้อย ซึ่งการเลือกอินทรีอีสานมาดูแลงานตำรวจหนึ่งในหน่วยกลไกสำคัญ เบื้องต้นคงเป็นเพราะพล.ต.อ.ประชา เคยเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ(อ.ตร.) คนสุดท้าย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนแรกของกรมปทุมวัน ซึ่งน่าจะทำให้เข้ากันได้ง่ายกับตำรวจในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ซึ่งเคยเป็นลูกน้องเก่าพล.ต.อ.ประชา ทำให้การประสานการทำงานร่วมกันคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นหน้างานบังคับใช้กฎหมาย หรือการแต่งตั้งโยกย้าย

ที่ดูเหมือนว่าคือปัญหาใหญ่ตลอดห้วงเวลาที่ ร.ต.อ.เฉลิม ดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นคดีอาชญากรรมสำคัญๆ คดีการเมือง หรือเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร.ต.อ.เฉลิม จะเลือกที่จะเชื่อข้อมูลจากพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองเลขาธิการนายกฯ น้องเลิฟร.ต.อ.เฉลิมมากกว่าข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นอกจากนี้ การขยายฐานอำนาจในแวดวงสีกากีของ ร.ต.อ.เฉลิม จนทำให้ตำรวจน้อยใหญ่ต่างวิ่งเข้าหา ก็ทำให้นายใหญ่ดูไบต้องรีบตัดทอนอำนาจลง เพราะหากปล่อยไว้นาน จนสามารถจับกุมก้อนอย่างเหนี่ยวแน่น พลังการต่อรองเรื่องต่างๆก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เมื่อนั้นการจะปฏิเสธก็ยากขึ้นเช่นกัน

เห็นได้จากการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา นอกจากตั๋วต่างแดน ตั๋วนายกฯบวกการเมือง ตั๋วตำรวจ แล้วยังมีตัวแบ่งจากตั๋วบ้านริมคลองอีก หากเป็นพล.ต.อ.ประชามาปัญหานี้ก็จะหมดไป เพราะ”ประชา”กับ”อดุลย์”ก็กลุ่มก้อนเดียวกัน

การตอบแทนการทำงาน น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ส่งให้ พล.ต.อ.ประชา ได้ขยับมานั่ง รองนายกฯ คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมาประชายอมเสียสละทำงานให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย รวมทั้งช่วยงานนายกฯยิ่งลักษณ์ได้อย่างดี
ทั้งการช่วยงานพ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทย ในการดูแลคนเสื้อแดง ฐานพลังประชาชนที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องเงินเยียวยาทางการเงินตามหลักสิทธิมนุษยชน สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองช่วงปี 2548-2553 ตามมติคณะรัฐมนตรี หรือที่รู้ๆกันคือ เงินเยียวยาคนเสื้อแดง

หรือการรับเผือกร้อนช่วยนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ช่วงน้ำท่วมใหญ่เมืองไทย ซึ่งต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ท่ามกลางการตรวจสอบการทุจริตในโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่พรรคฝ่ายค้านจับจ้องอย่างใกล้ชิด

และสิ่งสำคัญที่สุดที่น่าจะเป็นเหตุผลหลักในการเลือก พล.ต.อ.ประชา มารับงานใหญ่ครั้งนี้ของพ.ต.ท.ทักษิณ คงเป็นบุคลิก”พลิ้ว”ตามฉายาที่นักข่าวสายตำรวจเคยตั้งให้พล.ต.อ.ประชา คือ “หลิวลู่ลม” ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่แข็ง ไม่ก้าวร้าว ไม่พูดมาก เหมือนร.ต.อ.เฉลิม ที่สร้างศัตรูไปทั่ว จนทำให้นายกฯปูปวดหัว หรือบางครั้งพูดพาดพิงไปกลุ่มทุนสนับสนุนพวกหน้ากากขาว ชนิดหว่านแห่ไปหมดจนนักธุรกิจใหญ่ต่างๆไม่พอใจและมีปฏิกิริยาชัดเจน

ด้วยบุคลิกง่ายต่อการควบคุมเช่นนี้ จึงเป็นคุณสมบัติตรงตามสเปคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ รวมทั้งคุณสมบัติเสริมของพล.ต.อ.ประชาที่สามารถเชื่อมโยงต่อไปถึงระดับบนสุดได้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องพึ่งพิงในการเคลียร์ตัวเอง

ทั้งหมดจึงทำให้ “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” เข้าวินมานั่งรองนายกรัฐมนตรี คุมงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในรัฐบาลปู 5 ครั้งนี้