“ป้อ ประตูน้ำ” แถลงข่าวเปิดใจกรณีอดีตแฟนนางแบบสาวสวยเข้าแจ้งความดำเนินคดีทำร้ายร่างกาย เผยอยู่กินฉันสามีภรรยามา 3 ปี เลิกแล้วคบกันใหม่หลายครั้ง ทะเลาะกันเรื่องปกติ แต่ที่มีเหตุทำร้ายเพราะจับได้ว่าฝ่ายหญิงคุยกับชายอื่น ลั่นรักมากยินดีให้อภัยทุกอย่าง เผย “น้องแพรว” เคยกรีดข้อมือตัวเองและหนีออกจากบ้าน เรื่องคดีให้ทนายรับผิดชอบ
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมพีเจ วอเตอร์เกต ประตูน้ำ นายบุญสิทธิ์ ธรรมโรจน์พินิจ หรือ “ป้อ ประตูน้ำ” บุตรชายนายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือปอ ประตูน้ำ พร้อมนายอำนาจ ศักดิ์ชัชวาล ทนายความ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังที่ น.ส.นัฏฐิกานต์ หรือพลอยแพรว อัศวมงคลพันธ์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาแห่งหนึ่ง และเป็นนางแบบนิตยสารวัยรุ่นชื่อดัง เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าถูกตนทำร้ายหลังพยายามตีตัวอออกห่างและขอแยกทาง โดยนางปวีณาได้พา น.ส.นัฏฐิกานต์ หรือพลอย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พญาไท โดยแจ้งข้อกล่าวหาข่มขู่และทำร้ายร่างกายตามที่เสนอข่าวไปนั้น
นายบุญสิทธิ์กล่าวว่า ตนยอมรับว่าได้อยู่กินกับ น.ส.นัฏฐิกานต์ ฉันสามีภรรยามานานกว่า 3 ปี ตั้งแต่น้องอายุ 18 ปี ซึ่งก็มีปากเสียงกันเป็นปกติ และก็ได้เลิกกันและกับมาคบกันอยู่หลายครั้ง ส่วนสาเหตุที่ทำร้ายร่างกายนั้นเนื่องจากหึงหวงที่ฝ่ายหญิงไปคุยกับชายหนุ่มคนอื่น เพราะตนรักมากที่สุด สามารถทำให้เลิกเจ้าชู้ได้ ส่วนรูปถ่ายจากโทรศัพท์มือถือที่น.ส.นัฏฐิกานต์นำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าถูกตนทำร้ายนั้น ขอยืนยันว่าเป็นรูปเก่าที่เกิดขึ้นหลายปีแล้ว ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไม น.ส.นัฏฐิกานต์ถึงบอกตำรวจว่าตนทำร้ายเมื่อเดือนที่แล้ว โดยต้นปีที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้ายเลย มีแต่เขาที่กรีดข้อมือตัวเองเมื่อประมาณเดือน ก.พ. เย็บไปกว่า 10 เข็ม สาเหตุมาจากเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แพรวชอบทำ แต่พอวันรุ่งขึ้นเราก็บินไปเกาหลีด้วยกันปกติ อีกทั้งยังเคยถ่ายภาพยืนคล้ายกับจะกระโดดตึก บอกว่าถ้าโทร.ตามแล้วยังไม่กลับบ้าน สำหรับเรื่องที่เคยทะเลาะกันรุนแรงที่สุดเมื่อปี 54 ตอนน้ำท่วมเป็นเรื่องมือถือที่ตนจับได้ว่ามีเบอร์ผู้ชายคนอื่น
นายบุญสิทธิ์กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้โหดร้ายกับเขาเลย แฟนกันมีทะเลาะเบาะแว้งกันตามปกติ ยอมรับว่าตนรักน้องพลอยมาก เวลาทะเลาะมีปากเสียงกัน เขามักจะหนีออกจากบ้าน ซึ่งตนก็ได้ออกตามหาทุกครั้งที่หายออกไป ส่วนเรื่องที่น้องบอกว่าตนกักขังไม่ให้ไปเรียนหนังสือนั้นไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยปิดกั้นเรื่องการศึกษาของน้องแต่อย่างใด ถามเพื่อนพลอยได้เลยว่าผลการเรียนเขาแย่แค่ไหนตั้งแต่ที่เรียนมา ตนยังสนับสนุนให้ไปเรียน ซึ่งบางครั้งแพรวก็เป็นคนอ้อนวอนให้ไปเฝ้าที่มหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แต่ตนบอกว่าเหนื่อย นอกจากนี้เรื่องที่น้องบอกว่าตนพาคนไปตามหาตัวนั้น อยากบอกว่าเมื่อแฟนหายออกตัวไปเป็นธรรมดาที่จะต้องตามหา ซึ่งในงานที่อิมแพค เมืองทองธานีนั้น ภายในงานกว้างใหญ่ คนเป็นพันคน ตนเองนำเพื่อนสนิทที่รู้จักน้องออกตามหา 5 คนต่อคนเป็นพัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก
“อยากฝากบอกแพรวว่าให้อภัยหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ และยังรักน้องพลอยอยู่ อยากจบปัญหาทุกอย่าง และขอยืนยันว่ายังรักและมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันเสมอ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องแพรวต้องให้ร้ายกันด้วย และแจ้งความดำเนินคดีกันถึงขนาดนี้ เชื่อว่าที่เปลี่ยนไปเพราะการคบเพื่อน เมื่อข่าวออกมาแบบนี้ผมไม่รู้จะไปมองหน้าใครได้ สังคมตราหน้าว่าเป็นคนโรคจิตและโหดร้าย ซึ่งถ้าข่าวเป็นจริงผมพร้อมที่จะยอมรับ แต่ถ้าไม่เป็นจริงผมก็อยากที่จะขอความเป็นธรรม อยากให้สังคมยอมรับว่าผมไม่ได้เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงแบบนั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องคดีมอบหมายให้ทางทนายความเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่าง และพร้อมที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนภายในอาทิตย์หน้า อยากบอกว่า รู้สึกจิตใจแย่มาก ที่ต้องมีคดีกับคนที่รักตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดจะแฉเพราะอยู่กันด้วยความรัก ผมยังเหมือนคนโง่มากที่รักฝ่ายเดียว” นายบุญสิทธิ์กล่าว
สำหรับในส่วนของคดีความนั้น เวลานี้ตนเองได้ทราบจากพนักงานสอบสวนว่าได้ตั้งข้อหาตนเอง 2 ข้อหา คือ ข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ซึ่งภายในอาทิตย์หน้าตนเองจะเข้าพบพนักงานต่อไป ส่วนจะมีการฟ้องกลับฐานทำตนเสียชื่อเสียงหรือไม่นั้น หากหลังจากนี้ น.ส.นัฏฐิกานต์ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนไม่ใช่เรื่องจริงก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายหรือฟ้องกลับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะให้ทนายความดูความเหมาะสมอีกครั้ง