ตร.ภูธร 1 รวบตัวรอง สว.ลพบุรี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนพกชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ห้างบิ๊กซี สาขาปากเกร็ด เมื่อเดือน มี.ค.ได้ทรัพย์สินไปกว่า 5 ล้าน ก่อนนำกำลังจับกุมตัวได้ที่ห้องพักข้าราชการตำรวจ สภ.ท่าหิน แนวทางการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ติดหนี้พนัน แม้จะยังให้การภาค เสธ.
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง ผกก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมเจ้าหน้าที่ สภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี บก.สส.ภ.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลพบุรี แถลงการจับกุม ร.ต.อ.ปองภพ ปิ่นจันทาบัว รอง สว.สส.สภ.ท่าหิน จังหวัดลพบุรี อายุ 35 ปี ที่อยู่ 32/357 หมู่ 3 ตำบลคลองเกลือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 337/2556 ลงวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2556 ในข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน พร้อมของกลางทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวมประมาณ 53 บาท หรือจำนวนเกือบ 30 เส้น รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แชมป์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กธ 487 สระบุรี เสื้อ-กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีดำ 1 คู่ หมวกที่ใช้ในวันก่อเหตุ กระเป๋าสะพายสีดำจำนวน 1 ใบ และอาวุธปืนพกสั้น แบบรีวอลเวอร์ ขนาด.38 ของทางราชการ จำนวน 1 กระบอก โดยนำกำลังจับกุมตัวได้ที่ห้องพักข้าราชการตำรวจ สภ.ท่าหิน จังหวัดลพบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
พล.ต.ท.นเรศ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากการร่วมมือจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในการพยายามติดตามจับกุมคนร้ายนานร่วมเดือน กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว โดยมีการรายงานยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ทราบเรื่องก่อนนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้ต้องหานั้นเป็นตำรวจก่อเหตุเสียเอง ทำให้เสื่อมเสียถึงภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มี.ค.56 เวลาประมาณ 19.10 น. มีคนร้ายเป็นชายหนึ่งบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ตั้งอยู่บนห้างบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ทองคำรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 209 บาท มูลค่า 4.9 ล้านบาท พร้อมเงินสดประมาณ 1.6 แสนบาท แล้วหลบหนีไป โดยใช้รถยนต์กระบะแบบ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แชมป์ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี บก.สส.ภ.1 ทำการสืบสวนจนทราบว่ารถยนต์กระบะดังกล่าวเป็นรถของแฟนสาว ร.ต.อ.ปองภพ ปิ่นจันทาบัว รอง สว.สส.สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี เป็นผู้ใช้ขับขี่เป็นประจำ ได้ติดตามตรวจสอบจากพยานแวดล้อมต่างๆ จนน่าเชื่อว่า ร.ต.อ.ปองภพ เป็นคนร้ายรายนี้ จึงนำภาพถ่ายของรอง สว.สส.มาให้พนักงานร้านทองออโรร่าดู ซึ่งพยานยืนยันว่าเป็นบุคคลที่ลงมือก่อเหตุ สภ.ปากเกร็ด จึงทำการขออนุมัติศาลเปลี่ยนจากภาพสเกตช์เป็นหมายจับ ร.ต.อ.ปองภพ
พล.ต.ต.เมธี กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนจนสามารถทราบตัวคนร้ายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจนกระทั่งจับกุมตัวได้นั้น อันดับแรกสงสัยจากพฤติกรรมการก่อเหตุใช้รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหน้าและหลังรถ เส้นทางการหลบหนีคนร้ายมีความชำนาญเหมือนคนในพื้นที่รู้เส้นทางเป็นอย่างดี และมีความชำนาญในการใช้ปืนที่ยิงออกไป 2-3 นัดไม่พบหัวกระสุนแต่อย่างใด พอทราบว่าเป็นตำรวจก็ได้ปฏิบัติตามหน้าที่แบบตรงไปตรงมา ไม่มี 2 มาตรฐาน โดย ร.ต.อ.ปองภพ เดิมทีเป็นตำรวจแค่ชั้นประทวนประจำอยู่ สภ.ปากเกร็ด เป็นเวลาหลายปี เคยเฝ้าดูแลประจำร้านทองอีกด้วย ก่อนจะสอบเลื่อนชั้นเป็นสัญญาบัตรได้เมื่อปี พ.ศ.2551 ย้ายไปประจำการที่ สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี แต่ด้วยนิสัยนั้นไม่สุงสิงกับใคร สืบสวนทราบว่ามีพฤติกรรมชอบเล่นการพนันไฮโล ตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ จนย้ายไปอยู่ จ.ลพบุรี ก็ยังคงติดเล่นและเป็นหนี้พนันเพื่อนสนิท จนนำปืนไปจำนำไว้ 2 กระบอก หลังจากเกิดเหตุเริ่มผิดสังเกตมีเงินนำมาใช้ไถ่ปืนคืนจำนวนหลักแสนบาท พร้อมกับใช้หนี้เพื่อนฝูงจำนวนหลายหมื่นคืนทีเดียวหมด จากการสืบสวนจนมีพยานหลักฐานที่แน่ชัดว่า ร.ต.อ.ปองภพ เป็นคนร้ายจนออกหมายจับ ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปปิดล้อมที่บ้านพักจังหวัดลพบุรีในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา กระทั่งเข้าจับกุมได้ในช่วงสายคาห้องพัก ขณะที่เจ้าตัวยังไม่ทันตั้งตัว พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทที่สวมใส่ที่คอ สร้อยข้อมือน้ำหนัก 3 บาทที่แขน พบเสื้อผ้า และสร้อยคอทองคำที่เหลือจำนวนหนึ่ง ส่วนทองที่ขโมยมาบางส่วนนำไปขายและจำนำในพื้นที่ภาค 1 หมดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาสอบสวน
จากการสอบสวน ร.ต.อ.ปองภพ ไม่ขอให้การใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวเพียงว่า ขอไม่ตอบขอให้การในชั้นศาลพียงเท่านั้น โดยที่ทำไปไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน หรือผู้บังคับบัญชาทั้งสิ้น มูลเหตุจูงใจเป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องการใช้จ่ายไม่เพียงพอ “ขอโทษต่อองค์กรตำรวจและต่อผู้บังคับบัญชาที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง” ร.ต.อ.ปองภพ กล่าวสั้นๆ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า ร.ต.อ.ปองภพ น่าจะนำเงินไปเล่นการพนันพร้อมใช้หนี้ และผ่อนค่างวดรถคันดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้ดำเนินการเป็นสองส่วน ทางด้านคดีและทางวินัย โดยทางผู้บัญชาการจังหวัดลพบุรี มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ก่อนนำตัวดำเนินคดีที่ สภ.ปากเกร็ด ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวได้มีเจ้าของร้านทองออโรร่าเดินทางมาร่วมรับฟัง พร้อมกับมอบดอกไม้ขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ถึงระยะเวลาจะผ่านมาเกือบ 3 เดือน แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังพยายามสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีในที่สุด