xs
xsm
sm
md
lg

แพะโวย! ตำรวจ ปส.จับยัดคุกฟรีเกือบ 2 ปี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอนุกูล นิธินุศากร อายุ 37 ปี อดีตจำเลยในคดียาเสพติดโชว์หลักฐานถูก ตำรวจ ปส.จับเป็นแพะคดียาเสพติดจนต้องติดคุกฟรี1 ปี 7 เดือน 13 วัน
ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนำอดีตจำเลยร่วมกันค้ายาเสพติดที่ศาลอาญาได้พิจารณาคดีถึงที่สุดแล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง หลังถูกตำรวจ ปส.จับกุมต้องตกเป็นจำเลยถูกคุมขังอยู่เรือนจำกลางคลองเปรม 1 ปี 7 เดือน 13 วัน ร้องเรียนนักข่าวกองปราบฯ ถูกจับเป็นแพะรับบาปติดคุกฟรี เร่งเอาผิดตำรวจชุดจับกุม

วันนี้ (15 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำนายอนุกูล นิธินุศากร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 ม.3 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ อาชีพพนักงานบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร อดีตจำเลยร่วมกันค้ายาเสพติด ที่ศาลอาญาได้พิจารณาคดีถึงที่สุดแล้ว โดยพิพากษายกฟ้อง เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนประจำ บก.ป. หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสอบสวนทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรมเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน 13 วัน

นายอนุกูลเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 บช.ปส. จับกุมขณะที่ทำงานอยู่ที่บริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าก่อนหน้านี้ได้จับกุมนายมนตรี ศรีละโคตร อายุ 30 ปี และนายสมบูรณ์ พลเอี่ยม อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 7,000 เม็ดในกล่องผลไม้ ได้ที่สถานีขนส่งจังหวัดนนทบุรี จากการสอบสวนขยายผลจากล่องผลไม้แล้วพบว่ามีการแนบสำเนาบัตรประชาชนของตนเป็นผู้ส่งกล่องผลไม้ดังกล่าวมาจากต้นทางบริษัทรับขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนจึงมีการรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ ทั้งนี้ ตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและได้นำพยานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานบริษัทซึ่งทำงานอยู่ร่วมกัน รวมทั้งเอกสารบันทึกเครื่องสแกนลายนิ้วมือในการเข้าทำงาน ซึ่งยืนยันว่าในวันที่ระบุว่ามีการส่งกล่องผลไม้โดยแนบสำเนาบัตรประชาชนของตนไปด้วยนั้น ตนทำงานอยู่ที่บริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งซึ่งอยูที่กรุงเทพมหานครไม่ได้อยู่ที่เชียงใหม่ตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด

นายอนุกูลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนยังได้นำเอกสารการแจ้งความบัตรประชาชนหาย รวมทั้งการขอทำบัตรประชาชนใหม่โดยเปลี่ยนชื่อนามสกุลจากที่ว่าการอำเภอมายืนยันด้วย เนื่องจากสำเนาบัตรประชาชนของตนที่ถูกนำมาใช้กล่าวหานั้นเป็นสำเนาของบัตรประชาชนที่หายไปขณะที่ไปเดินซื้อของห้างโลตัส อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้น 2-3 เดือนได้กลับไปที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อขอเปลี่ยนชื่อนามสกุลพร้อมทำบัตรประชาชนใหม่ไปในคราวเดียวกัน ซึ่งสำเนาบัตรประชาชนที่ถูกคนร้ายนำไปใช้เป็นของบัตรประชาชนใบแรกที่หายไปเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ตอนที่ถูกจับกุมมีบัตรประชาชนใบใหม่แล้ว แต่พนักงานสอบสวนก็ไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณา แต่บอกให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล

นายอนุกูลกล่าวอีกว่า ต่อมาคดีถูกนำขึ้นพิจารณาในชั้นศาลนั้นตนถูกพนักงานสอบสวนการคัดค้านประกันตัว ทำให้ต้องถูกจำคุกระหว่างรอการพิจารณาเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน 13 วันที่เรือนจำกลางคลองเปรม ระหว่างนั้นตนก็พยายามรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดียืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองโดยมีการขอบัตรประชาชนที่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียึดไปกลับคืนมา แต่พนักงานสอบสวนบ่ายเบี่ยงอ้างว่าขอตรวจสอบ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้บัตรประชาชนคืนมา

“ผมต่อสู้คดีจนศาลพิพากษายกฟ้องและอัยการก็ไม่อุทธรณ์ เมื่อผมพ้นโทษจึงต้องการแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี สังกัด บก.ปส.3 บช.ปส. ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลบประวัติอาชญากรออกจากทะเบียนประวัติอาชญากร เนื่องจากพ้นโทษและอัยการได้ส่งเรื่องดังกล่าวกลับมายังพนักงานสอบสวนมานานแล้ว แต่ในระบบยังไม่มีการแก้ไขประวัติ ซึ่งหลังจากถูกจับดำเนินคดีไปแล้วก็ทำให้เรียนไม่จบและมีปัญหาครอบครัว และหลังจากพ้นโทษมาแล้วก็มีปัญหาชีวิตตามมาอีกมากมาย ไม่วาจะเป็นเรื่องครอบครัว การงาน และประวัติด่างพร้อย

อย่างไรก็ตาม นอกจากดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ผมก็จะประสานเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากรมคุ้มครองสิทธิฯ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้คดีของผมเป็นคดีสุดท้าย และขอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อมูลเอกสารพฤติกรรม ฐานะทางบ้านอย่างละเอียดและรอบคอบก่อนที่จะมีการออกหมายจับ หรือจับกุมใคร” นายอนุกูลกล่าว

ด้านนายอัจฉริยะกล่าวว่า ในกรณีนี้จะพาผู้เสียหายไปร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ส่วนการดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนั้นจะรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น