ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านวัสดุก่อสร้างย่านคลองสามวา หวิดย่างสดยกครัว ตร.คาดไฟฟ้าลัดวงจร เสียหาย 1.6 ล้าน
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 02.30 น. พ.ต.ท.บุญเลิศ รสรื่น พงส.ผนพ.สน.นิมิตรใหม่ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างชื่อร้านปรางทองค้าวัสดุ เลขที่ 340 ถนนหทัยราษฎร์ แขวงคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมรถดับเพลิงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.จำนวน 2 คัน และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ที่ด้านหน้าตัวตึกติดป้ายขนาดใหญ่ว่า อาคารภู่ระหงษ์ 4 ที่ชั้นล่างมีสี ทินเนอร์ และอุปกรณ์ก่อสร้างที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พบกลุ่มควันและแสงเพลิงกำลังพวยพุ่งออกมาจำนวนมากจากห้องเก็บของที่อยู่ด้านหลังอาคารบริเวณชั้น 2 ก่อนจะลุกลามมาด้านหน้าร้านและกำลังจะลุกลามขึ้นชั้นที่ 3 เจ้าหน้าที่จึงเร่งฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลาม พร้อมทุบกระจกเพื่อระบายอากาศ โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชม.จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ น.ส.โอปอ ภู่ระหงษ์ อายุ 20 ปี ลูกสาวเจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกไฟลวกที่เท้าเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 9
จากการสอบสวนนางยอดขวัญ ภู่ระหงษ์ อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านให้การว่า อาคารดังกล่าวชั้นล่างและชั้นที่ 2 เป็นที่เก็บวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เช่น บานประตู หน้าต่าง สีกระป๋อง และทินเนอร์ ส่วนชั้นที่ 3 เป็นห้องนอน โดยด้านหลังยังมีโกดังเก็บอุปกรณ์ก่อสร้างอีกจำนวนมาก เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 10 ไร่ ก่อนเกิดเหตุตนอยู่กับสามีและลูกหลานรวม 7 คน ทุกคนนอนอยู่ที่ชั้น 3 ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.ตนลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงผิดปกติบนเพดาน จึงเปิดดูกล้องวงจรปิดดูก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต เห็นแต่เหมือนมีกลุ่มควันในกล้องเลยเดินลงมาดูที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องเก็บประตูพีวีซี และสีสเปรย์ทั้งชั้น ก็พบกลุ่มควันจำนวนมากเลยตะโกนเรียกสามีและปลุกคนในบ้านให้ตื่นก่อนจะพากันวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมานอกบ้าน ส่วนมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,600,000 บาท แต่ยังโชคดีที่ตนได้ทำประกันอัคคีภัยเอาไว้เป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบ แต่คาดว่าน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจรที่เครื่องควบคุมไฟตรงบันไดชั้นสองเพราะเห็นต้นเพลิงเกิดขึ้นจากบริเวณนั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ต้องรอสอบปากคำของคนในบ้านอย่างละเอียดก่อน และต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง