รวบ “แก๊งสมเด็จ” ปล้นทรัพย์พร้อมรุมตื้บ ผบ.หมู่.ป.สน.เพชรเกษม

ตร.รวบ “แก๊งสมเด็จ” หวดไม้ใส่หน้าจ่าพร้อมรุมตื้บก่อนฉกทรัพย์ ผบ.หมู่.ป.สน.เพชรเกษม สารภาพก่อเหตุ 4 รายภายในคืนเดียว ระบุไม่เลือกเหยื่อใครมองหน้าก็ปล้น เซ่นพนันตู้ปลา-เที่ยวเตร่

วันนี้ (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.9 แถลงผลการจับกุม “แก๊งสมเด็จ” ปล้นทรัพย์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้ผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายศรราม หรือนก จันอะหร่ามเต็ม หัวหน้าแก๊ง อายุ 18 ปี, นายสงกรานต์ หรือเขา มันตะสูติ อายุ 18 ปี, นายบูรนันท์ หรือบูม สุขศรี อายุ 18 ปี, นายเอ (นามสมมติ) และนายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนสมิทแอนด์เวสสัน รุ่น 686 ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีฟ้า-เหลือง-ดำ ทะเบียน ออฬ-497 กทม. จำนวน 1 คัน, จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเทน่า สีเขียว-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน, จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีส้ม-ดำ ขธต 294 สุรินทร์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 2 เครื่อง สามารถจับกุมตัวนายนกได้ที่ จ.กาญจนบุรี นายเขาจับได้ที่ จ.อ่างทอง และนายบูมจับได้ที่ จ.สัตหีบ ส่วนเยาวชนทั้งสองรายจับได้บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ

พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 เม.ย.56 เวลาประมาณ 02.30 น. ขณะที่ จ.ส.ต.ประเสริฐ ทิพย์ชัย ผบ.หมู่.ป.สน.เพชรเกษม (ปฎิบัติหน้าที่ชุดจู่โจมนอกเครื่องแบบ) เสร็จจากการปฎิบัติหน้าที่ออกตรวจในท้องที่ กำลังเดินทางกลับบ้านโดยใช้จักรยานยนต์ขับขี่ไปตามเส้นทางถนนปูนเลียบคลองภาษีเจริญ ก่อนถึงทางกลับรถถนนกาญจนาภิเษก หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม แขวงและเขตบางแค กทม. พบกับกลุ่มคนร้ายจำนวน 7 คน ขี่จักรยานยนต์ซ้อนกันมา 3 คัน เมื่อขี่รถสวนกันกลุ่มคนร้ายได้ใช้อาวุธลักษณะเป็นท่อนไม้แข็งตีที่บริเวณใบหน้าด้านซ้ายของ จ.ส.ต.ประเสริฐจนสลบ ทำให้จักรยานยนต์เสียหลักล้มลง จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้รุมทำร้ายซ้ำอีก และลักเอาทรัพย์สินคือปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเงินสดจำนวน 5,000 บาท ก่อนหลบหนีไป ต่อมามีพลเมืองดีมาพบจึงได้นำตัว จ.ส.ต.ประเสริฐที่นอนสลบอยู่นำส่งโรงพยาบาลบางปะกอก 8 จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายคือกลุ่มของนายบูม จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาได้ 5 ราย

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกทั้ง 7 คนออกตระเวนก่อเหตุลักษณะดังกล่าวตั้งแต่เวลาประมาณ 22.00 น.ในย่านถนนกาญจนาภิเษก ถนนเพชรเกษม และย่านถนนเอกชัย-บางบอน รวมแล้ว 4 ราย จนมาก่อเหตุปล้นทรัพย์เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวในพื้นที่ สน.เพชรเกษม เป็นรายสุดท้ายภายในคืนเดียวโดยจะไม่เจาะจงเลือกเหยื่อ ซึ่งเวลาก่อเหตุถ้าขับไปเจอมองหน้าแล้วมีท่าทางกวนๆ หรือมองหน้าหาเรื่องกลับก็จะลงมือปล้นทรัพย์ทันที โดยนายนกจะเป็นคนลงมือใช้ไม้ตีเหยื่อคนเดียว จะใช้ชื่อ “แก๊งสมเด็จ” เนื่องจากชอบห้อยพระสมเด็จ มีสมาชิกในแก๊งประมาณ 10 คน ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาจะนำไปขายให้กับเพื่อนที่รู้จักแล้วนำเงินมาแบ่งกัน และเงินที่ได้มานั้นจะนำไปใช้เที่ยวเตร่และเล่นพนันตู้ปลา แต่ไม่นำไปเสพยาเสพติด ตรวจสอบประวัติพบว่านายสงกรานต์ หรือเขา ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาเป็นเวลา 4 ปี และมีคดีพยายามฆ่าเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 55 ท้องที่ สน.หนองแขม แต่ประกันตัวออกมากระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้คดีดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาอีกสองรายที่หลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหายรายใดที่ถูกก่อเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถมาดูตัวกลุ่มผู้ต้องหาได้ที่ สน.เพชรเกษม เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ จงสูงเนิน ผกก.สน.เพชรเกษม ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 รายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เลียบคลองภาษีเจริญ ก่อนถึงทางกลับรถถนนกาญจนาภิเษก หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม โดยจุดแรกเป็นบริเวณที่นายศรรามนำไม้ท่อนยาวประมาณ 1 เมตรมาดักรอหลังตอม่อใต้สะพาน เมื่อ จ.ส.ต.ประเสริฐขับขี่จักรยานยนต์ผ่านมา นายศรรามก็ใช้ไม้ท่อนดังกล่าวหวดเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้งจนรถล้มลง จากนั้นผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คนก็ช่วยกันรุมทำร้าย โดยนายบูรนันท์รับหน้าที่ปลดปืนและล้วงเอาเงินสดจำนวน 5,000 บาทจากกระเป๋ากางเกงของ จ.ส.ต.ประเสริฐ และพากันขับขี่ซ้อนท้ายจักรยานยนต์รวม 3 คันหลบหนีไป