xs
xsm
sm
md
lg

รวบแก๊งแสบตุ๋นทองนานกว่า 13 ปี มูลค่าเสียหายกว่า 15 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

บช.น.แถลงแก๊งแสบตุ๋นทองนานกว่า 13 ปี มูลค่าเสียหายกว่า 15 ล้านบาท
ตร.รวบแก๊งแสบตุ๋นทองนานกว่า 13 ปี มูลค่าเสียหายกว่า 15 ล้านบาท ชี้หัวหน้าแก๊งสามารถนำทองปลอมหนัก 2 บาทไปจำนำได้เดือนละประมาณ 10 เส้น ทำรายได้ถึง 1 แสนบาทหลังหักจากต้นทุนแล้ว เตือน! ร้านทองรอบคอบในการรับซื้อหรือรับจำนำ

วันนี้ (1 พ.ค.) เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 พ.ต.ท.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผกก. พ.ต.ท.ธนากร อ่อนทองคำ พ.ต.ท.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ พ.ต.ต.จักริน พิริยะจิตตะ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน สว.และชุดสืบสวน พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ตัณฑชน สมาคมค้าทองคำ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการแก้ไขปัญหาทองปลอม แถลงผลการจับกุมแก๊งตุ๋นทองปลอมมูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท ประกอบด้วย ผู้ต้องหา 5 ราย ได้แก่ นายสมบัติ พวงเพชร หัวหน้าแก๊ง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 388 ถ.ประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 159/2556 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2556 ฐานความผิดฉ้อโกง, นายสายันต์ หรือเนตร พูลเกิด อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.7 ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์, นายวรวุฒิ หรือเจ้า ไกรจันทร์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 21 ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 532/2554 ลง 23 ธันวาคม 2554 ฐานความผิดฉ้อโกง, นายกิตติ หรือหนึ่ง สระปัญญา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.9 ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 1388/2555 ลง 23 พฤศจิกายน 2555 และ น.ส.อนุสรา หรือเกตุ ปั้นขุนทด อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222 ม.6 ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 27/2556 ลง 8 มกราคม 2556 สามารถจับกุมตัวนายสมบัติ นายสายันต์ และนายวรวุฒิ ได้ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี และขยายผลจับกุมตัวนายกิตติ และ น.ส.อุสรา ได้ที่บริเวณหมู่บ้านพุทธชาด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำปลอมหนัก 2 บาท จำนวน 3 เส้น

พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสมาคมผู้ค้าทองคำ ได้ประสานขอความร่วมมือมายัง บช.น.ในการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับแก๊งทำทองปลอมที่ผลิตทองปลอมขึ้นมาแล้วตระเวนขายตามร้านทองหรือโรงรับจำนำ สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ต่อมา บก.สส.บช.น.ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายสมบัติเป็นหัวหน้าแก๊งตุ๋นทองปลอม โดยจะนำสร้อยคอทองคำปลอมที่ยัดไส้ในด้วยโลหะชนิดต่างๆ จนมีน้ำหนักเท่ากับของจริง และประทับตราสัญลักษณ์ของร้านทองชื่อดังต่างๆ ลงบนทอง ก่อนจะให้ลูกน้องนำไปจำนำกับร้านขายทองต่างๆ

พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวว่า กลุ่มของนายสมบัติมักจะรวมตัวกันอยู่ที่ร้านสนุกเกอร์แห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ตระเวนก่อเหตุตามร้านทองต่างๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2543 ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 13 ปี แก๊งของนายสมบัติสามารถนำทองปลอมหนัก 2 บาท ไปจำนำได้เดือนละประมาณ 10 เส้น มีรายได้ถึง 1 แสนบาทหลังหักจากต้นทุนแล้ว โดยรวมมูลค่าความเสียหาย 15 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. นำโดย พ.ต.อ.นพศิลป์ ได้นำกำลังติดตามแก๊งของนายสมบัติกับพวกจากร้านสนุกเกอร์ย่านบางบัวทอง ไปจนถึง อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งนายสมบัติกับพวกได้นำทองปลอมไปหลอกขายที่ร้านทองในตลาดหนองแค จึงทำการจับกุมตัวพร้อมกับยึดของกลางสร้อยคอทองคำปลอมหนัก 2 บาท ได้จำนวน 3 เส้น และขยายผลไปจับกุมตัวนายกิตติ และ น.ส.อนุสรา ที่ย่านบางบัวทอง จากการสอบสวนนายสมบัติให้การว่าสร้อยคอทองคำปลอมที่นำไปจำนำนั้นเป็นของนายโจ้ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง โดยนำมาขายให้นายสมบัติราคาเส้นละ 2 หมื่นบาท หากจำนำจะได้เส้นละ 32,000-35,000 บาท

จากการสอบสวนทราบว่า สมาชิกในแก๊งที่ทำหน้าที่ดูต้นทางและนำทองปลอมไปจำนำจะได้ค่าจ้างเส้นละ 1,500-2,000 บาท ส่วนนายสมบัติได้ส่วนแบ่งเส้นละ 8,000-10,000 บาท นายสมบัติกับพวกจะใช้วิธีการนำทองปลอมไปจำนำ ไม่ใช้วิธีการขาย เพราะร้านค้าจะใช้การทดสอบแค่ชั่งน้ำหนัก และดูสภาพภายนอก ไม่สามารถใช้วิธีการเผาไฟหรือการตะไบเนื้อทองเหมือนการขายขาดได้ เพราะจะทำให้ทองที่นำมาจำนำเสียหายมาก ทำให้พนักงานร้านทองหรือโรงรับจำนำที่ขาดความชำนาญหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อ

ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า การที่กลุ่มมิจฉาชีพนำทองปลอมมาหลอกจำนำตามร้านทองต่างๆ นั้น ทำให้แต่ละร้านได้รับความเสียหายมูลค่า 2 แสนบาทต่อปี ร้านทองที่มีอยู่ในประเทศไทยกว่า 6,000 ร้าน รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดก็อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี ทางสมาคมผู้ค้าทองคำจึงประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยเร่งรัดจับกุมแก๊งทำทองปลอม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการทลายแหล่งผลิตทองปลอมไปแล้ว 2 แห่ง และจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย ต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ จุดอ่อนของร้านทองคือการขายฝาก ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีการตะไบหรือเผาไฟได้ คนที่ทำจะต้องเป็นช่างทอง คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ ทองปลอมที่แก๊งมิจฉาชีพทำขึ้นมาข้างนอกจะเป็นทองจริง ข้างในเป็นเงิน ใช้วิธีการหุ้ม จึงอยากให้ร้านทองและโรงรับจำนำต่างๆ ตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ

นอกจากนี้ ตรวจสอบประวัติพบว่า นายสายันต์มีหน้าที่นำทองปลอมไปจำนำ โดยก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ที่ จ.สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี นายวรวุฒิ มีหน้าที่ดูต้นทางและนำทองปลอมไปจำนำ ซึ่งก่อเหตุมาแล้วทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2553 นายกิตติ มีหน้าที่นำทองปลอมไปจำนำ ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ประเวศ สน.ลาดพร้าว และ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ จ.ปทุมธานี ส่วน น.ส.อนุสรา มีหน้าที่นำทองปลอมไปจำนำเช่นกัน ก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว และสน.บางขุนเทียน

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฉ้อโกง และปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งท้องที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งทำการสืบสวนขยายผลถึงต้นตอที่เป็นผู้ผลิตทองปลอม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

อย่างไรก็ตาม อยากประชาสัมพันธ์ให้ทางร้านทองระมัดระวังในการรับซื้อหรือรับจำนำ โดยให้ตรวจสอบดูน้ำหนักและตรวจสอบความยืดหยุ่นของทอง หากเป็นของจริงจะมีความยืดหยุ่น หากเป็นทองปลอมจะยัดไส้แข็ง ไม่สามารถบิดได้เหมือนของจริง และหากสงสัยให้ตะไบบริเวณเส้นของทองหรือใช้ไฟเป่า หากเป็นทองปลอมจะพบโลหะสีอื่นอยู่ด้านใน
ภาพตัวอย่างของทองปลอม

กำลังโหลดความคิดเห็น