xs
xsm
sm
md
lg

แกะรอย...สัญญาณโทรศัพท์ “เสี่ยเปีย” ฆาตกรฆ่าหั่นศพหนุ่มแบงก์!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุมนายประดิษฐ์ สุวรรณภาพ หรือ เสี่ยเปีย อายุ 36 ปี ฆาตกรฆ่าหั่นศพนายเกียงไกร ขวัญอ่อน พนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คดีสะเทือนขวัญ!ฆาตกรรมฆ่าหั่นศพหนุ่มแบงก์กลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่โตขึ้นเมื่อเวลา 21.30 นาฬิกา ของวันที่ 18 เม.ย. หลัง ร้อยตำรวจตรี ประเสริฐศักดิ์ กัลณา ร้อยเวร สภ.หางน้ำสาคร จังหวัดชัยนาทได้รับแจ้งพบชิ้นส่วนแขนมนุษย์ตกอยู่บนถนนสายเขาแหลม-หนองประดู่ กม.4 หมู่ที่ 1 ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท จึงรุดไปที่เกิดเหตุ
เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุถึงกับอึ้ง! เพราะภาพที่ปรากฏด้านหน้าเป็น ชิ้นส่วนมนุษย์บริเวณท่อนแขนขวาผิวขาวมีด้ายสายสิญจน์สีเหลืองผูกที่ข้อมืออยู่บนริมถนนลาดยาง ห่างออกไปอีก 300 เมตร พบถุงขยะสีดำและกระสอบสีเหลืองรวม 2 ใบ อยู่ในลำห้วยที่แห้งขอด ลึกประมาณ 6 เมตร ขอบล่างกว้าง 5 เมตร ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง คาดว่าเป็นชิ้นส่วนมนุษย์บรรจุอยู่ภายใน

เกิดคดีฆาตกรรมหั่นศพเช่นนี้ จึงร้อนถึง พลตำรวจตรี ภวัต พรหมมะกฤต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท เจ้าของพื้นที่ต้องรีบรุดมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเองพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์โรงพยาบาลมโนรมย์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและเมื่อเปิดถุงทั้งสองเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายใน เมื่อเปิดดูถุงขยะสีดำใบแรกซ้อนกัน 3 ชั้น ถึงกับต้องผงะ!เพราะของที่อยู่ในถุงคือชิ้นส่วนมนุษย์ตามที่ได้คาดการณ์ พบแขนข้างซ้าย 1 ข้าง และ ขาทั้ง 2 ข้าง มีกางเกงยีนส์สีดำติดมาด้วย และเมื่อเปิดกระสอบสีเหลือง(กระสอบกากถั่วเหลือง) ภายในพบถุงขยะสีดำซ้อนกัน 9 ชั้น พบร่างผู้ชายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลหัวโลหะสี่เหลี่ยม กางเกงในบอกเซอร์ลายสีฟ้าขาว และกางเกงชั้นในสีขาว สภาพแขนถูกตัดบริเวณต้นแขนทั้งสอง และขาเหนือเข่าทั้งสองข้าง เป็นเพศชายอายุไม่เกิน 30 ปี ส่วนศรีษะไม่พบ!!!
กลายเป็นคดีฆาตกรรมสยองขวัญ “ฆ่าหั่นศพผีหัวขาด!!!”
จากสภาพร่องรอยที่ถูกตัดกระดูกเรียบ แพทย์สันนิษฐานว่าใช้อุปกรณ์ลักษณะคล้ายเลื่อยในการตัดทั้งแขนขาและศีรษะ แยกเป็น 6 ชิ้น แต่ขณะนี้ยังไม่พบศีรษะ จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้ใด เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง
ต่อมาเจ้าหน้าที่สอบสวนทราบว่าผู้ตายชื่อ นายเกียงไกร ขวัญอ่อน อายุ 24 ปี เป็นพนักงานธนาคารทหารไทย สาขาลาดพร้าว โดยเพิ่งเข้าทำงานเป็นวันแรก เป็นบุตรของนายสนิท ขวัญอ่อน อายุ 57 ปี และนางเทียม ขวัญอ่อน อายุ 61 ปี โดยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 244 หมู่ที่ 4 บ้านมอสมบัติ ต.วังทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กจ 656 กำแพงเพชรถูกจอดทิ้งไว้ ทราบว่าผู้ตายไปพบหมอฟัน และจะกลับกรุงเทพฯ โดยจะแวะนำรถยนต์ไปตรวจเช็คที่ศูนย์จังหวัดอุทัยธานีก่อน

พลตำรวจโทจรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.นำคณะเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมทำการตรวจสอบรถยนต์ของผู้ตายพบหลักฐานสำคัญใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลชื่อ “ชัยพร คลินิกทันตกรรม” ใน จ.กำแพงเพชร สลิปข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย และสำเนาบัตรประชาชนของนายชัยพร แซ่อึ้ง ตกอยู่ในรถ

ตำรวจพุ่งเป้าประเด็นไปที่นายชัยพร แซ่อึ้ง ทันตแพทย์เจ้าของชัยพร คลินิกทันตกรรม ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกับผู้ตายทันทีในตอนแรก พร้อมกับมีการคาดการณ์พฤติกรรมฆาตกรรายนี้น่าจะมีความวิปริตเบี่ยงเบนทางเพศกับผู้ตาย ในลักษณะ “คู่เกย์”

“หมอชัยพร” ตกเป็นจำเลยสังคมในฐานะผู้ต้องสงสัยทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ฆาตกรแต่อย่างใด!!!
แต่แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นที่ต้องรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด “หมอชัยพร” พร้อมด้วยมารดาจึงออกมาแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ทันทีว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมแต่อย่างใดรู้จักกับผู้ตายเพียงในฐานะคนไข้ที่มาขอรักษาฟันเท่านั้น และที่พบเอกสารสำคัญของตนเองในรถผู้ตายเนื่องจากผู้ตายมาติดต่อขอให้ทำบัตรเครดิตธนาคารในสังกัดตนเอง ด้วยความที่เห็นว่าเป็นลูกค้าและตั้งใจทำมาหากินจึงช่วยทำและให้เอกสารไป
ก่อนที่ตำรวจจะตรวจเช็คสัญญาณโทรศัพท์มือถือของผู้ตายแล้วพบว่ามีการติดต่อกับนายประดิษฐ์ สุวรรณภาพ หรือ “เสี่ยเปีย” อายุ 36 ปี เจ้าของร้านร้านต้นไทรก๋วยเตี๋ยวลิ้นวัวชื่อดัง ในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งตำรวจสามารถแกะรอยตรวจจับสัญญาณการใช้โทรศัพท์ของผู้ตายครั้งสุดท้ายได้ในละแวกบ้านพักของนายประดิษฐ์
จึงขออนุมัติหมายศาลจังหวัดอุทัยธานีเข้าตรวจค้นบ้านพักของ “เสี่ยเปีย” ที่บ้านเลขที่ 41/1 ม.3 ต.ดอนขวาง อ.เมือง จ.อุทัยธานี พบที่บริเวณหลังบ้านมีการเผาทำลายผ้าปูที่นอนที่เปื้อนเลือด และมีการนำเตียงนอนไปขายต่อซึ่งต่อมามีการใวช้น้ำยาทางวิทยาศาสตร์ตรวจวิเคราะห์หาคราบเลือดก็พบคราวบเลือดเช่นกัน
ตำรวจสืบสวนภาค 1 พร้อมชุดสืบฯ เมืองชัยนาท จึงได้เชิญตัว “เสี่ยเปีย”มาสอบเค้นในช่วงค่ำคืนวันที่ 23 เม.ย.เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะปล่อยตัวกับไปเนื่องจาก “เสี่ยเปีย”ให้การปฏิเสธ
แต่การปล่อยตัวกลับไปครั้งนี้ชุดสืบสวนตามประกบติดตลอดเวลาโดยไม่ให้คนร้ายรู้ตัวเนื่องจากรอผลพิสูจน์ที่ชัดเจนทางกองพิสูจน์หลักฐาน!!!
อย่างไรเสีย “ฆาตกรฆ่าหั่นศพ” รายนี้ก็ดิ้นไม่หลุดต้องยอมจำนนต่อพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน
วันที่ 24 เม.ย. “เสี่ยเปีย” ฆาตกรฆ่าหั่นศพหนุ่งแบงก์ทนแรงกดดันไม่ไหวเปิดปากยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่ใช้จิตวิทยาสอบสวนจนเสี่ยเปียหัวหมุน ตอบไม่ตรงคำถามเดิมที่ให้ไว้กับตำรวจว่าทำไมถึงต้องรีบขายบ้านต่อให้เพื่อนภายในเวลาช่วงข้ามคืน และความสัมพันธ์กับนายเกียงไกร ขวัญอ่อน (ผู้เสียชีวิต) ที่ตานแรกบอกว่ารู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้นโดยพยายามอ้างเหมือนกรณีของทันตแพทย์ชัยพร แซ่อึ้ง ผู้ต้องสงสัยก่อนาหน้านี้ที่ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าผู้ตายมาชักชวนให้ทำบัตรเครดิต
สุดท้ายที่ดิ้นไม่ออกเลยจริง ๆ คือคราบอสุจิที่กระดาษทิชชูในรถยนต์ของผู้เสียชีวิตไปตรงกับตัวอย่างอสุจิของ “เสี่ยเปีย” และรอยนิ้วมือที่ติดอยู่บนกระจกรถ
สองนาฬิกาสามสิบนาที...วันที่ 25 เมษายน 2556 หลัง “เสี่ยเปีย”ปากรับสารภาพตำรวจต้องรีบนำตัวไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุที่ทิ้งศพและนำตัวไปชี้จุดที่ทิ้งชิ้นส่วนศรีษะของนายเกียงไกรไปเผาก่อนที่จะนำใส่กระป๋องพลาสติกโยนทิ้งลงสระน้ำขางทางบ้านเนินเหล็ก หมู่ 3 ต.เนินเหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี ห่างจากบ้านนายประดิษฐ์ประมาณ 10 กิโลเมตร พบศีรษะลอยอยู่ริมสระน้ำ ห่างจากกระป๋องที่ใช้ใส่มาประมาณ 1 เมตร

เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมใจอุทัยธานี ได้นำศีรษะขึ้นมาตรวจสอบพบว่าที่กะโหลกศีรษะมีรอยถูกยิง 1 รู โดยเนื้อรอบศรีษะเปื่อยยุ่ย

ก่อนหิ้วตัวเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ในช่วงบ่ายวันที่ 25 เมษายนให้พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจ แถลงข่าวปิดคดี “ฆาตกรรมสยองขวัญฆ่าหั่นศพ ปี 56” โดยนายประดิษฐ์ สุวรรณภาพ หรือ “เสี่ยเปีย” ยอมรับว่าก่อเหตุเพียงลำพังเนื่องจากโกรธแค้นผู้ตายที่พยายามนำคลิปภาพถ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์กับตนเองมาแบล็กเมล์เพื่อตบทรัพย์ จึงได้ลงมือฆ่าผู้ตายทิ้งด้วยการเอาอาวุธปืนขนาด .38 ยิงที่ศรีษะจนเสียชีวิตก่อนนำมาชำแหละศพเพื่ออำพรางคดีโดยการเอาทรัพย์สินมีค่าไป แล้วนำชิ้นส่วนผู้ตายไปทิ้งในจุดที่พบศพ ก่อนตัดส่วนหัวแล้วนำไปเผาโยนทิ้งน้ำเพื่อทำลายหลักฐาน
งานนี้บอกได้คำเดียวว่าต้องยกเครดิตให้พลตำรวจโทจรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ปรมาจารย์งานพิสูจน์หลักฐานที่สามารถควานหาหลักฐานจนสามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฏหมายได้ แม้จะพุ่งประเด็นไปที่ “หมอฟัน” ในตอนแรกในฐานะผู้ต้องสงสัยก็ตาม

ปิดฉาก...คดีฆาตกรรมสยองขวัญรักร่วมเพศ!!!

สอนของพ่อ สถิตในดวงใจ : รายงาน




ร่ิองรอยกระสุนที่กะโหลกศีรษะผู้ตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น