อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ถกอธิบดี DSI แก้ปัญหากากสารพิษจากอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา และหาตัวผู้กระทำความผิดที่ลักลอบทิ้ง
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (23 เม.ย.) นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลเรื่องขยะอันตรายหายไปจากระบบซึ่งจากข้อมูลมีกากของเสียหายไปออกจากระบบไม่น้อยกว่า 31 ล้านตันต่อปี โดยไม่พบหลักฐานการนำกากอุตสาหกรรมไปบำบัดอย่างถูกต้องจากโรงงานบำบัดที่ได้รับอนุญาต
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงว่า การหารือของอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาขยะพิษ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการทิ้งขยะที่เป็นกากขยะอันตรายและกากของเสียแพร่ระบาดไปทั่ว ก่อให้เกิดบ่อบำบัดขยะมีพิษเถื่อนในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าตัวเลขการขนย้ายกากขยะออกจากโรงงานไม่ตรงกับข้อมูลที่แจ้ง น่าเชื่อว่าจะมีการกระทำความผิด จึงจำเป็นต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อหาหลักฐานในการกระทำความผิด ทั้งนี้ กรอ.ได้นำข้อมูลที่มีอยู่ในเบื้องต้นและข้อมูลสำคัญ ที่จะเป็นประโยชน์ และใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวนเพื่อการดำเนินคดีต่อไป
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีโรงงานทั่วประเทศจำนวน 135,942 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงงานประเภท 1 ที่สามารถดำเนินกิจการได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตจาก กรอ. ทั้งสิ้น 42,528 โรงงาน โรงงานประเภท 2 ที่ก่อนประกอบกิจการจะต้องแจ้ง แต่ไม่ต้องขอใบอนุญาตตั้งโรงงาน จำนวน 17,557 โรงงาน และโรงงานประเภทที่ 3 เป็นโรงงานที่ต้องขอใบอนุญาตตั้งโรงงาน หรือ ใบ รง.4 จำนวนทั้งสิ้น 75,867 โรงงาน ทั้งนี้ กรอ. ได้เลือกโรงงานในประเภท 3 ที่มีของเสียอันตราย และของเสียที่ต้องควบคุมจำนวน 20 ประเภท ได้แก่ กากของเสียที่เป็นโลหะ กากของเสียที่เป็นสารเคมี กากของเสียที่มีส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง และกากของเสีย ที่มีกรด รวมถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยพบโรงงานที่มีของเสียอันตรายอยู่ราว 16,000 โรงงาน ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 55 ถึง มีนาคม 56 พบมีใบแจ้งขนออกกากขยะอันตรายจากโรงงานจำนวน 2.75 ล้านตัน/ปี แต่กลับมีใบขนจริง หรือมีการนำไปบำบัดเพียง 9 แสนตัน เท่ากับมีกากของเสียหายไปจากระบบถึง 1.85 ล้านตัน
นายธาริต กล่าวอีกว่า นอกจาก นี้ยังมีโรงงานที่มีกากของเสียอีก 12,000 โรงงาน มีใบแจ้งขนออกจากโรงงานจำนวน 41.5 ล้านตัน แต่กลับมีใบขนจริงเพียง 12 ล้านตัน หายไปจากระบบถึง 29.5 ล้านตัน รวมของเสียทั้งหมดหายไปจากระบบทั้งสิ้น 31.35 ล้านตัน ซึ่งในเบื้องต้นได้สั่งการให้ศูนย์ป้องและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาค 1 และภาค 2 ตรวจสอบเส้นทางขนขยะออกจากโรงงานไปยังโรงบำบัดของเสียว่ามีช่องโหว่ที่ใด และเพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กรอ.จะได้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษในการแสวงหาพยานหลักฐานของการกระทำความผิด เพื่อเป็นการป้องกัน และหาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป
นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันการกำจัดกากสารพิษอันตรายมีต้นทุนตันละกว่า 3,000 บาท คาดว่าสาเหตุที่กากของเสียสารพิษหายไปจากสาระบบจะมีการนำไปทิ้งในที่เอกชนหรือข้างถนน ทำให้ผู้กระทำผิดลดต้นทุนได้กว่า 5,000 ล้านบาท เพราะกากของเสียหายไปถึงกว่า 31 ล้านตัน โดยพื้นที่ที่มีปัญหามากที่สุดอยู่ในภาคตะวันออกทั้งชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ซึ่งจะร่วมกับดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบ โดยการทิ้งหากสารพิษ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง โดยปัจจุบัยมีโรงงานบำบัดกากอุตสาหกรรม 658 แห่ง ที่ต้องตรวจสอบทั้งหมด