xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” ลงใต้ ปรากฏการณ์ “ฝนตกขี้หมูไหล”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
สน.พระอาทิตย์ / สามยอด

เสียงระเบิดดังขึ้นหลายพื้นที่ในจังหวัดปัตตานี คืนวันที่ 10 เมษายน 2556 พร้อมๆ กับการเกิดเหตุขบวนการก่อการร้ายได้ลอบวางระเบิดรถหุ้มเกราะวีว่า จำนวน 2 คัน ที่บรรทุกทหาร 8 นายที่เดินทางไปช่วยเหลือ อส.อ.ปะนาเระ ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลศูนย์นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลจนพังยับเยิน โดยเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้ ทำให้ ร.ท.เริงฤทธิ์ โพธิสา ผบ.ร้อย ทพ. กรม ทพ.ที่ 44 และ จ.ส.อ.สัญชัย โสภาวัน เสียชีวิต และบาดเจ็บ 6 นาย คือ 1.ร.ต.สมชัย ศรีพรหม 2.อส.ทพ.ทัตพงศ์ ดาวดึง 3.อส.ทพ.พีรวัส ทิพนัส 4.อส.ทพ.กฤษดา นิริสา 5.อส.ทพ.พรศักดิ์ เงินเก่า และ 6.อส.ทพ.สำราญ คงกลม

สร้างปรากฎการณ์ “เซอร์ไพรส์” ของ “ขวานฟ้าหน้าดำ” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ที่ถือฤกษ์วันครู (พฤหัสบดี) ที่ 11 เมษายน 2556 เหาะเหินฟ้าล่องใต้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งแรกในฐานะฝ่ายบริหารที่รับผิดชอบอย่างเงียบๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความงุนงง ให้กับขาประจำและขาจรทั่วประเทศมิใช่น้อย ทั้งๆ ที่วันก่อนเพิ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวปัดคำถามแสลงใจที่ว่า “เมื่อไหร่ท่านจะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”

“ขวานฟ้าหน้าดำ” สวนทันทีแบบข้างๆ คูๆ ... “ผมทำงานแบบบูรณาการไม่จำเป็นต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกทีวีโชว์หรอก.....”

ฟังดูแล้วขณะนั้นก็เชื่อขนมกินกันได้เลยว่า “ขวานฟ้าหน้าดำ” ไม่มีทางที่จะย่างกรายลงเหยียบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างแน่นอน เรียกว่าฟังกันมาซะจนเกิดความเบื่อหน่ายในสำนวนแผ่นเสียงตกร่องที่พูดมากี่ครั้งกี่หนก็ไม่มีวี่แววจะลงไปทำหน้าที่ของตนเองให้ภาคภูมิสมเกียรติเหมือน “รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง” ที่คนอื่นๆ เขาทำกัน

หลังจากนี้คงจะไปสบประมาท “ขวานฟ้าหน้าดำ” ว่า “ปากกล้าขาสั่น” ไม่ยอมเดินทางลง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้แล้ว เพราะครานี้ลงไปจริงแบบตัวเป็นๆ ไม่ได้ไปแบบ “ขุนพลยุคดิจิตอล” เหมือนที่ผ่านมาที่ประชุมรับฟังปัญหาและสั่งการผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่เคยรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ที่รู้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี รับหน้าที่ เป็น “องครักษ์” ข้างกาย รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศ ออกจาก บน.6 ถึงสนามบินบ่อทอง จังหวัดปัตตานี 13.30 นาฬิกา ก่อนเดินทางไปยังวัดสุวรรณากร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อเคารพศพทหารที่เสียชีวิต 2 นายจากเหตุก่อความไม่สงบที่ จ.ปัตตานี เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.

ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรับหน้าที่หัวหน้ารักษาความปลอดภัยให้กับผู้เป็นพ่อ โดยมีตำรวจอีกหลายร้อยนายคอยเคลียร์พื้นที่การเดินทางล่วงหน้า เรียกว่า “ดับเบิลสกีนนิง” กันเลยทีเดียว เพราะงานนี้ “พลาดกันไม่ได้” จึงมีการดูแลรักษาความปลอดภัยเส้นทางต่างๆ อย่างเข้มงวด

ก่อนเดินทางไปร่วมพิธีรดน้ำศพ ร.ท.เริงฤทธิ์ โพธิสา ผบ.ร้อย.ทหารพราน 4412 และ จ.ส.อ.สัญชัย โสภาวัง โดยมี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ตัวแทน ศอ.บต. พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กว่า 300 นาย เข้าร่วมพิธีเพื่อไว้อาลัย โดยผู้บังคับบัญชาได้มอบเงินช่วยเหลือจากกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น พร้อมเหรียญบางระจันให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวผู้สูญเสียและเพื่อนทหาร หลังจากนั้นจะมีการเคลื่อนศพของทหารทั้ง 2 นายกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด

ฟังเสียง ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางครั้งนี้ว่า ได้รับมอบหมายมาเยี่ยมข้าราชการและประชาชน ซึ่งนายกฯ อยากเห็นความสามัคคี ไม่อยากให้ขัดแย้ง และรัฐบาลพยายามทำให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ โดยสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบ เพราะเป็นสายพิราบ ไม่ใช่สายเหยี่ยว ไม่มีการใช้ความรุนแรง

เมื่อนักข่าวถามถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่กล้าลงพื้นที่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ไม่สนใจสังคม เพราะรับรู้ความเป็นจริง ถ้าลงมาก็เป็นภาระกองกำลังในพื้นที่ ไปมาสร้างภาระหน่วย ทั้งเตรียมความพร้อมดูแลต่างๆ เพราะมี ผบ.ตร.แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้พูดคุยทุกวันในเรื่องสถานการณ์ใต้อยู่แล้ว ส่วนจะลงพื้นที่อีกหรือไม่นั้น ไม่บอก

หลังเสร็จสิ้นภารกิจ “ขวานฟ้าหน้าดำ” พักค้างแรม 1 คืน ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) จ.ยะลา จากนั้นจะเดินทางกลับ กทม.ในวันนี้ทันที

ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางลงพื้นที่จังหวัดยะลา ว่า การลงพื้นที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้บทสรุปว่าการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องใช้การพูดคุย สันติ ลดความหวาดระแวง สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ประชาชนที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องหมายจับ ไม่ว่าจะเป็นจากการจับตามพ.ร.บ.มั่นคง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือพระราชกำหนด ให้รวบรวมมาให้กองทัพภาคที่ 4 รับเรื่อง

“ผมจะปรึกษากับ ศอ.บต. ,สมช. และผบ.ตร. เพื่อจะมาดูว่าอะไรที่ใช้หลักรัฐศาสตร์ได้ก็จบกัน ส่วนที่ประชาชนบางพื้นที่หวาดระแวงรัฐบาลยังใช้พระราชกำหนดนั้นตนได้ประชุมผู้กำกับทั้งหมดที่ดูแลพื้นที่ให้ไปทำความเข้าใจ อำเภอไหนสถานการณ์ดีขึ้นให้รายงานมาผมจะได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงาน”

" เชื่อว่าจากนี้สถานการณ์จะดีขึ้น โดยตนได้ตั้งศูนย์รับคำร้องทุกข์จากประชาชนที่ ศชต.จ.ยะลา ใครมาร้องทุกข์ 7 วันจะมีการรายงานตนและพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ใครที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาร้องเราจะสร้างความเป็นธรรมให้ ส่วนการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้นยังต้องทำต่อไป ไม่เจรจาไม่จบ โดยเลขาฯสมช.จะมาหารือนอกรอบกับตนก่อนเจรจารอบที่ 3"

ส่วน“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า ทุกคนเป็นห่วงทุกครั้งที่เกิดเหตุ และมีทหารเสียชีวิต ทุกคนก็เสียใจและโกรธแค้น ในฐานะผู้บังคับบัญชา มีจิตใจเป็นมนุษย์ ก็รู้สึก แต่สิ่งสำคัญต้องระลึกอยู่เสมอว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนไทยด้วยกัน เราต้องพยายามทำให้ดีที่สุดโดยไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ แต่ต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น

“ที่ทหารพรานถูกลอบวางระเบิด เพราะห่วงอาสาสมัคร (อส.) เราทำงานที่เปิดเผยตนเอง และเป้าหมายอ่อนแอมีจำนวนมาก ผมตำหนิอย่างเดียวคือ ใจเร็ว ใจร้อนที่อยากไปช่วยคน บางทีลืมห่วงตัวเอง ทุกครั้งเป็นอย่างนี้โดยตลอด ผมก็ย้ำว่าให้ช้าลงซักนิด” ผบ.ทบ.กล่าว และว่า หลังเกิดเหตุ นายกฯ แสดงความเสียใจ ซึ่งได้เรียนว่าต้องเร่งดำเนินการเรื่องอื่นๆ ด้วยเพื่อให้ทันเหตุการณ์ ทั้งเรื่องพัฒนาและอำนวยความยุติธรรม ควบคู่ไปกับการแสวงหาทางออก แต่เรื่องหลักคือทำให้ประชาชนในพื้นที่ปฏิเสธความรุนแรง และต้องมาเป็นฝ่ายเราร้อยเปอร์เซ็นต์

ในขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังยืนยันว่า ในวันที่ 29 เม.ย. ยังคงมีการเจรจากลุ่มบีอาร์เอ็นต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งมาเลเซียไม่ส่งผลกระทบต่อการเจรจา ส่วนการก่อเหตุแม้จะมีการพูดคุยหรือไม่พูดคุยก็มีเหตุอยู่

“ขวานฟ้าหน้าดำ” เหาะเหินเดินอากาศลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงไม่ต้องแปลกใจกันว่าทำไมพายุฝนฟ้าจึงได้คึกคะนองตกกระหน่ำลงมาทั่วบ้านทั่วเมือง
เคยได้ยินแต่คำสุภาษิตว่า “ฝนตกขี้หมูไหล”
ฝนตกลงมาคราวนี้คงต้องเรียกกันใหม่กระมัง เพราะ ฝนฟ้าไปชะล้างขี้ในสมองของคนบางคนที่ก่อนหน้านี้เรียกว่า “กลัวจนขี้ขึ้นสมอง” ลงได้...
คลายบรรยากาศร้อนๆ ลดอุณหภูมิอากาศร้อนอบอ้าวเดือนเมษายนช่วงสงกรานต์ได้เป็นอย่างดี ส่วนจะผ่อนคลายสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มากน้อยเพียงไร คงต้องจับตาดูกันตาไม่กะพริบ!
กำลังโหลดความคิดเห็น