เกิดเหตุไฟไหม้รถภายในบ้านผู้บริหารเอ.พี.ฮอนด้า ย่านทองหล่อ ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านบนเนื้อที่ 1 ไร่ เปลวเพลิงทำให้รถเสียหายไป 3 คัน สันนิษฐานเบื้องต้นเกิดจากความร้อนของตัวรถ ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้
วันนี้ (7 เม.ย.) ร.ต.ท.ชาคริต บุญเพิ่ม พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ลุกลามไปภายในบ้านเลขที่ 178 ซอยสุขุมวิท 49 แยก 8 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานรถน้ำดับเพลิงสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 2 คัน ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.วิชัย ณรงค์ รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.จักร จุลกะรัตน์ สว.สส.สน.ทองหล่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ สูง 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ บริเวณลานจอดรถพบรถยนต์จำนวน 3 คัน มีไฟกำลังลุกไหม้ พร้อมมีเสียงระเบิดปะทุเป็นระยะๆ จนทำให้กระจกภายในบ้านแตกกระจัดกระจาย ทันใดนั้นไฟได้โหมเข้าไปภายในตัวบ้าน ทำให้ข้าวของภายในบ้านเสียหายเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ลากสายยางหัวฉีดทำการดับเพลิงอย่างทุลักทุเล โดยใช้เวลากว่า 30 นาทีเพลิงสงบ จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นพบรถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน ญว 231 กทม.รถยนต์ฮอนด้า สเปซแวกอน ไม่ทราบสีและทะเบียน รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด สีขาว ทะเบียน ป้ายแดง ง 6203 กทม. เสียหายทั้งหมด จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวน น.ส.ธันยกร วิสัยศิลป์ อายุ 45 ปี แม่บ้านหลังดังกล่าว ให้การว่า บ้านหลังนี้ของ นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหารบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด โดยก่อนเกิดเหตุขณะตนทำงานบ้านอยู่ ทันใดนั้นได้ยินเสียงระเบิดจากบริเวณลานจอดรถ จึงรีบวิ่งไปดู พบว่าไฟได้ลุกไหม้เริ่มจากท้ายรถฮอนด้า ซีอาร์วี จนลุกลามไปยังคันอื่นๆ ก่อนรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาทำการดับเพลิงดังกล่าว ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทางเจ้าของบ้านพร้อมครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา แล้วเพิ่งกลับมาที่บ้านช่วงเย็นของวานนี้ (6 เม.ย.) ด้วยรถฮอนด้าซีอาร์วีดังกล่าวแล้วจอดแน่นิ่งไว้
ร.ต.ท.ชาคริต เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเกิดจากความร้อนของตัวรถ ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ อย่างไรก็ตามก็ต้องรอผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุจากทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และสอบปากคำพยานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับคดีนั้น มีรายงานว่า บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ถูกบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ บริษัท ไทยยามาฮ่า และบริษัท คาวาซากิ ร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2546 ว่า เอาเปรียบคู่แข่ง โดยบังคับให้ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าห้ามจำหน่ายรถจักรยานยนต์บริษัทคู่แข่ง จนสร้างความเสียหายทางธุรกิจ
โดยเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2556 นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวน กรณีเรื่องร้องเรียน บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ว่า กรมการค้าภายใน ได้ส่งสำนวนเรื่องการร้องเรียนไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากอัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องร้องต่อศาล จึงเกรงว่าหากปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยไปถึงช่วงเดือน เม.ย. 2556 จะทำให้คดีที่พิจารณามาตั้งแต่ปี 2546 ขาดอายุความ และไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้
