xs
xsm
sm
md
lg

ล้างด้วยเลือด:แม่ยายจ้างฆ่าลูกเขยชำระแค้นให้ลูกสาว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางใหญ่ ศิริสลุง วัย 59 ปี ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าลูกเขย
หลังการเสียชีวิตของลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครอบครัวทำให้ชีวิตของ นางใหญ่ ศิริสลุง วัย 59 ปี เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เจ้าของไร่อ้อยร้อยกว่าไร่ใน ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี สะสมความแค้น ความโกรธเกลียดชังฝังไว้ในหัว ศพของ นางสมปอง ศิริสลุง ลูกสาวที่ถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมจึงถูกนำมาเก็บไว้ในบ้านเกือบ 3 ปี โดยเจ้าตัวไม่ยอมเผาตราบใดที่ตำรวจยังจับฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวมาดำเนินคดีได้

ย้อนรอยปฐมเหตุเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2553 นางสมปอง เกิดสลุง ลูกสาวนางใหญ่และภรรยา นายจำรอง อ่อนน้อม อายุ 48 ปี หายตัวไปพร้อม รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ฌล 3320 กทม. กระทั่งวันที่ 17 ตุลาคม 2553 เจ้าหน้าที่ก็พบ นางสมปอง สภาพเน่าเปื่อยจนเหลือแต่โครงกระดูก ในไร่ข้าวโพด หมู่ 1 ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี ส่วนรถยนต์ของนางสมปองหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี โดยมุ่งประเด็นไปที่ฆ่าชิงทรัพย์และถูกสามีฆ่าเพื่อฮุบมรดก เนื่องจากผู้ตายเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว มีไร่อ้อยกว่าร้อยไร่ นอกจากนี้ยังมีรถตัดอ้อย รถบรรทุกสิบล้ออีกหลายคัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบก็ถูกสั่งให้ติดตามดูพฤติกรรมของ นายจำรอง อ่อนน้อม สามีผู้ตายแทบไม่ให้ห่างจากสายตา กระทั่งมาพบเบาะแสสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึงนายจำรอง เมื่อพยานแจ้งมาว่ามีชายต้องสงสัยซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทีมอุ้มนำทองรูปพรรณของ นางสมปอง ผู้ตายไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งใน ต.ลำนาราย อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี แต่พนักงานร้านทองซึ่งเป็นญาติคนตายจำได้ว่าทองดังกล่าวเป็นของ นางสมปอง จึงไล่ชายคนดังกล่าวออกไป ทำให้กล้องวงจรปิดของร้านทองจับภาพชัด ๆ ของผู้ต้องสงสัยรายนี้ไว้ไม่ได้ นายจำรอง จึงยังเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยต่อไป

แต่แล้วคดีดังกล่าวก็มาถึงทางตันเมื่อผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าว ถูกพบกลายเป็นศพในโรงแรมม่านรูด แห่งหนึ่งใน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ด้วยการกินยาพิษฆ่าตัวตาย เมื่อต้นปี 2554 ทำให้เจ้าหน้าที่สาวไปไม่ถึงผู้จ้างวานไม่ถึง อย่างไรก็ตามการตายแบบมีเงื่อนงำดังกล่าวเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะถูกฆ่าตัดตอนโดยการจับกรอกยาพิษ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องปิดคดีงดการสอบสวนไปโดยปริยาย

แม้คดีฆ่าลูกสาวจะถึงทางตัน แต่ไฟแค้นที่สุมอยู่ในอกของ นางใหญ่ ก็ยังคงคุโชนโชติช่วง เขาดิ้นรนทุกช่องทาง ทั้งวิ่งเข้าหานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายให้ช่วยเหลือ หรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานให้สืบสวนจับกุมคนร้ายใจโหดเหี้ยมมาดำเนินคดีให้ได้ ทำให้หมดเงินหมดทองไปหลายแสน ทว่าความหวังของแม่ผู้สูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักก็ยิ่งมืดมนลงทุกที

หญิงวัย 59 ปี เชื่ออย่างสนิทใจว่า นายจำรอง ลูกเขยคือฆาตกรที่ฆ่าเมียตนเอง เนื่องจากทั้งคู่ระหองระแหงกันมานาน อีกทั้งเชื่อว่า นายจำรอง หวังฮุบสมบัติของตระกูล โดยให้น้องสาวตัวเองมาจุ้นจ้านรายรับรายจ่ายในไร่อ้อย นอกจากนี้ก่อนที่ลูกสาวจะตาย เงินจำนวน 2 แสนบาทก็อันตรธานหายไปด้วย

หลังลูกสาวตายไปพฤติกรรมของ นายจำรอง ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปอีก เจ้าตัวยังคงซื้อรถเกี่ยวอ้อยราคาเป็นล้าน ทั้ง ๆ ที่ภรรยาเพิ่งตายทั้งคน อีกทั้งไม่เคยถามไถ่ใยดีกับเรื่องการจัดการศพ ไม่สนใจเรื่องคดี หรือเรื่องอะไรทั้งนั้น

“เมียเอ็งก็ตายไปแล้ว ยังจะมาทู่ซี้อยู่ที่นี่ทำไมอีก กลับบ้านเกิดเอ็งไปเสียเถิด” วันหนึ่ง นางใหญ่ ทนไม่ไหวไล่ลูกเขยให้กลับบ้านเกิดใน ต.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี เพราะเขาทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ลูกเขยก็ยังคงยืนกรานที่จะไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น

นางใหญ่ โกรธจัด ไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกเขยตัวแสบคนนี้ดี ลูกสาวก็มาตายอย่างน่าเวทนา ลูกเขยก็คิดจะฮุบมรดกของตระกูลอีก เขาเสมือนคนหมดสิ้นหนทาง มีเพียงทางเดียวคือ “ฆ่าให้ตายตกตามกัน ”

แผนการล้างแค้นจึงเริ่มขึ้น เมื่อนางใหญ่ ได้ขอร้องให้ นายสายฝน คล้ายโชติ อายุ 49 ปี ที่รู้จักมักจี่กันมากว่า 30 ปี จัดหามือปืนมาอุ้มฆ่าลูกเขย จากนั้น นายสายฝน จึงติดต่อไปยัง นายนิกร แป้นทรัพย์ อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งให้หามือสังหารอีกที นายนิกร จึงติดต่อ นายจำเนียร แย้มสุคนธ์ อายุ 54 ปี กระทั่งได้ตัว นายอิทธิพล กิจธนรุ่งเรือง อายุ 40 ปี มือปืนจาก อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โดยตกลงค่าเด็ดหัว นายจำรอง ในราคา 1.5 แสนบาท

ต่อมาเมื่อต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา นางใหญ่ ได้โอนเงินล่วงหน้าให้ นายอิทธิพลมือปืนจำนวน 8 หมื่นบาท เมื่อรับเงินแล้ว นายอิทธิพล จึงโอนเงินกลับให้ นายนิกร จำนวน 1 หมื่นบาท เพื่อจัดซื้อโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดเพื่อใช้ในการติดต่อกัน จากนั้น นายอิทธิพล ได้นั่งรถยนต์โตโยต้า ฟอจูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กท879 สระบุรี เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเป้าหมาย 3-4 วัน

กระทั่งวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 05.00 น. ซึ่งเป็นวันปฏิบัติการ นายนิกร ก็ได้ขับรถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี สีน้ำเงิน ทะเบียน กท 2153 ลพบุรี มีนายอิทธิพลนั่งข้าง และนายวีรพล วงษ์เคี่ยม อายุ 48 ปี นั่งบริเวณเบาะหลัง จากนั้นนายอิทธิพล และนายวีรพลได้บุกเข้าไปในบ้านพักคนงานกลางไร่อ้อย ไม่มีเลขที่ ม.7 ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี แล้วใช้ปืนจี้จับตัว นายสมบัติ สำลี อายุ 46 ปี ลูกจ้างไร่อ้อย มัดไว้กับเสาในบ้านพัก จากนั้นได้จับ นายจำรอง มัดมือไพล่หลังพร้อมใช้ผ้าคลุมศีรษะนำขึ้นรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่น บิ๊กเอ็ม สีเขียว ทะเบียน ป-7631 ลพบุรี ของนายจำรอง ขับหนีออกไป

จากนั้น เมื่อวันที่ 14 ม.ค. เจ้าหน้าที่ก็พบรถกระบะคันดังกล่าวถูกคนร้ายนำจอดทิ้งไว้ บริเวณ ไร่อ้อย หมู่ 15 ต.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี ภายในรถพบศพ นายจำรอง นอนเสียชีวิตอยู่เบาะหน้าด้านซ้าย โดยสภาพศพถูกกระสุนปืนชนิด .38 ยิงกรอกปากทะลุศีรษะ คาดว่าเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ถูกอุ้ม

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 สั่งการให้ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.วัฒนา เขตร์สมุทร ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบก.สส.ภ.1นำกำลังเข้าคลี่คลายคดี

หลังสอบพยานแวดล้อมต่าง ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่ก็มุ่งตรงไปยังฆ่าล้างแค้น จึงทำการเฝ้าติดตาม นางใหญ่ ผู้ต้องสงสัย กระทั่งพบหลักฐานการโอนเงิน การใช้โทรศัพท์ติดต่อกับทีมสังหาร จากนั้นเจ้าหน้าที่ไปได้หลักฐานชิ้นสำคัญคือกล้องวงจรปิดของป้อมตำรวจบริเวณแยกวังม่วง พบว่าในวันเกิดเหตุมีรถซีอาวี สีน้ำเงิน ขับนำหน้ารถกระบะของผู้ตาย

เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบผู้ครอบครองรถซีอาวี สีน้ำเงิน ใน จ.ลพบุรี กระทั่งทราบว่าเป็นของ นายนิกร จึงเฝ้าดูพฤติกรรม เช็คโทรศัพท์ แล้วเข้าจับกุม จากการสอบสวนช่วงแรก ๆ นายนิกร ยังปากแข็ง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดและหลักฐานการโอนเงิน และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ นายนิกร จึงเปิดปากรับสารภาพซัดทอดทีมสังหารจนหมดเปลือก

“หลังได้รับแจ้งเหตุผมและลูกน้องได้เข้าร่วมคลี่คลายคดี เมื่อเช็คประวัติผู้ตายพบว่าพัวพันคดีฆ่าภรรยาตัวเอง จึงสอบลึกไปจนทราบว่าแม่ยายโกรธแค้นลูกเขยคนนี้มาก นอกจากนี้พฤติกรรมคนร้ายก็คล้าย ๆ กันคืออุ้มขึ้นรถ พาไปยิงทิ้ง คล้ายกับว่าทำกับคนอื่นอย่างไร ก็จะถูกสนองคืนอย่างนั้น แค่นี้เราก็รู้แล้วว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ” พ.ต.อ.สมบัติ กล่าว

“ฉันเชื่อว่าลูกสาวของฉันถูก นายจำรอง ซึ่งเป็นลูกเขยเป็นคนอุ้มและนำไปฆ่าทิ้ง ฉันรักลูกสาวคนนี้มากเพราะเป็นลูกคนเดียว หลังเขาตายฉันได้เก็บศพไว้ในบ้านเป็นเวลาเกือบ 3 ปี และไม่ยอมเผา เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้และคดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ฉันจึงตัดสินใจจ้างวานฆ่าลูกเขยตัวเองเพื่อแก้แค้นให้กับลูกสาว” นางใหญ่ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด ในวันที่ตำรวจ ภ.1 นำตัวมาแถลงข่าวต่อเสื่อมวลชน

นางใหญ่ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ฉันได้ไปร้องขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานแล้วแต่กฎหมายก็ไม่สามารถจับคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าลูกฉันมาดำเนินคดีได้ จึงจ้างวานให้ฆ่าลูกเขยเพื่อให้ตายตกตามกัน อย่างไรก็ตามฉันยอมรับว่าตำรวจชุดจับกุมเก่งมากที่สามารถตามจับฉันและผู้เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด ทั้งนี้อยากช่วยให้ติดตามความคืบหน้าคดีของลูกสาวฉันที่ถูกฆ่าตายด้วย

ด้าน พล.ต.ท.นเรศ กล่าวว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นแก่ นางใหญ่ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมทั้งรับปากกับ นางใหญ่ว่าจะให้เจ้าหน้าที่ชุดนี้เข้าไปคลี่คลายคดี ฆ่าลูกสาวของ นางใหญ่ ต่อไป

คดีนี้จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นอกเห็นใจผู้เป็นแม่ที่ต้องมาสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว ไป อีกทั้งตำรวจก็มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะตามลากคอคนที่ก่อกำทำเข็ญกับลูกสาวมาชดใช้กรรมได้ ทำให้ไฟแค้นที่สุมในอกก็ยิ่งคุโชนขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงคิดสั้นตัดสินใจเลือก ใช้วิธีการ “เลือดล้างเลือด” ดับไฟแค้นในอกให้ตายตกตามกัน ผลกรรมที่หัวอกคนเป็นแม่ผู้นี้ได้รับคือคุกตะรางตามกฎหมายบ้านเมือง

สภาพศพผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
นางสมปอง ศิริสลุง ลูกสาวที่ถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
รูปคนร้ายที่ร่วมลงมือก่อเหตุ
กำลังโหลดความคิดเห็น