ชลประทาน อ.หนองเสือ ปทุมธานี กั๊กน้ำทำถนนแตกแยกทรุดตัว มีความลึกกว่า 1.50 เมตร ระยะทางยาวกว่า 200 เมตร ชาวนาเร่งขุดร่องน้ำกลัวนาข้าวเสียหาย วอนเร่งส่งน้ำเข้ามาเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังจะตาย
วันนี้ (7 เม.ย.) ชาวบ้านอำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี ทั้ง 7 ตำบลในเขตพื้นที่ตั้งแต่คลองเจ็ด ไปถึงคลองสิบสอง ชาวนาชาวสวนส้ม และผู้ปลูกหญ้านวลน้อยต่างๆ ได้รับผลกระทบจากชลประทานรังสิตเหนือหยุดจ่ายน้ำเข้าคลองส่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่อำเภอหนองเสือ ทั้ง 7 ตำบล เป็นเหตุให้น้ำในคลองลดลงเหลือเพียงก้นคลอง ทำให้ชาวบ้านที่ได้ปลูกข้าวทำนาไปแล้วนับหมื่นไร่ ต้องใช้พลั่วขุดดินริมคลองเปิดร่องน้ำเพื่อที่จะวางท่อสูบน้ำที่เหลือก้นคลองเข้าแปลงนา ซึ่งตลอดทั้งคลองน้ำแห้งขอดหมดแล้ว
ชาวนารายหนึ่ง ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ที่ปลูกข้าวไว้ก่อนที่จะมีการประกาศห้ามทำนา เปิดเผยว่าขณะข้าวเริ่มออกรวงแล้ว แต่ไม่มีน้ำที่จะไปหล่อเลี้ยงต้นข้าว ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เมล็ดข้าวลีบ และเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างต่อชาวนา จึงอยากวอนให้ทางชลประทานส่งน้ำเข้ามาเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังจะตาย ซึ่งในการประกาศห้ามทำนาในช่วงฤดูแล้งของทางราชการ พวกตนเข้าใจดี เพราะชาวนาส่วนใหญ่เช่าที่ทำนา เมื่อไม่ทำก็ไม่มีเงินให้ค่าเช่านา เพราะเจ้าของนาเขาไม่ได้หยุดเก็บค่าเช่าพวกตนจึงต้องดิ้นรนอย่างที่เห็น ช่วงนี้ถ้ามีฝนฟ้าตกลงมาบ้างก็ถือว่าเป็นความโชคดีของชาวนา ส่วนชาวนารายอื่นที่พอมีเงินก็หยุดทำ เพรากลัวไม่มีน้ำ
ส่วนที่ถนนเลียบคลองสิบเอ็ดฝั่งตะวันออก มุ่งหน้าไปหนองแค บริเวณ ม.12 ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี กม.ที่ 8 ถนนแตกร้าว และแยกออกกลางถนนเป็นที่น่ากลัวมากหากผู้ที่ขับรถผ่านไปมาไม่เคยเส้นทางอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งมีความลึกกว่า 1.50 เมตร ระยะทางยาวกว่า 200 เมตร และถนนจะทรุดตัวแตกแยกเป็นจุดๆ ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะที่คลองแปด ต.บึงบอน คลองเก้า ต.บึงกาสาม คลองสิบเอ็ด ต.หนองสามวัง ถนนเลียบคลองที่สองฝั่งถนนเริ่มทรุดตัวเพิ่มมากขึ้น
ทางด้านนายอนุกูล สุริยะสวัสดิ์ นายก อบต.หนองสามวัง กล่าวว่าเมื่อวานนี้ตนตรวจถนนมีเพียงรอยร้าวเท่านั้น แต่วันนี้รอยร้าวกับแตกแยกเป็นร่องกว้างขึ้นกว่า 30 ซม.ลึกลงไปเกือบสองเมตร ส่วนสาเหตุมาจากทางกรมชลประทานรังสิตเหนือได้สั่งหยุดปล่อยน้ำจากคลองระพีพัฒน์ เข้าคลองซอยต่างๆ ตั้งแต่คลองเจ็ดไปถึงคลองสิบสอง เมื่อวันจันทร์ที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงทำให้ชาวนาและชาวสวน ที่ต้องใช้น้ำได้ตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าไร่ จึงทำให้น้ำแห้งคลองและบางคลองคนเดินข้ามได้ด้วย และหากชลประทานรังสิตเหนือไม่ปล่อยน้ำเข้าคลองถนนทุกสายในพื้นที่จะทรุดตัวไหลลงคลองไปทั้งหมด และจะเสียหายมากกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า
ขณะที่ นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้รับรายงานจากนายวรณัฎฐ หนูรอด นายอำเภอหนองเสือ ถึงปัญหาชลประทานไม่ยอมปล่อยน้ำเข้าคลอง ทำให้ถนนสายเลียบคลองทั้งสองฝั่งตั้งแต่คลองเจ็ดไปถึงคลองสิบสอง ได้รับความเสียหายจากถนนทรุดตัวลงไปในคลอง ซึ่งหากไม่ปล่อยน้ำเข้าจะต้องหางบประมาณจำนวนมหาศาลมาทำถนนใหม่ทุกเส้นทาง ซึ่งในวันที่ 8 เม.ย. 56 จะประสานชลประทานจังหวัดช่วยปล่อยน้ำเข้าไปช่วยอุ้มถนนไม่ให้พังไปมากกว่านี้