เช้าวันจันทร์เป็นช่วงที่มนุษย์ออฟฟิศต่างต้องตื่นแต่เช้าแหกขี้ตากันมาทำงานด้วยความเร่งรีบด้วยกันทุกคน ไม่แตกต่างอะไรกับชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่เพิ่งคบรักกันมาได้ 3 เดือน โดยทั้งคู่ต่างเลิกรากับแฟนเก่ามาคบกัน ซึ่งก็เป็นธรรมดาของชีวิตรักที่มีรักมีเลิกกันเป็นธรรมดา
แต่แล้วสำหรับบางคู่แล้ว การเลิกรากับแฟนเก่าแล้วมาคบกันมันไม่ธรรมดาเลย!!!
อย่างกรณีของ น.ส.รัฐพร อิ่นคำ หรือ “เพ็ญ” วัย 30 ปี และนายวันชัย นุ่มดี หรือ “บอย” วัย 32 ปี ที่ทั้งคู่ต่างเลิกรากับแฟนเก่าแล้วมาพบรักกัน ตัดสินใจที่จะคบหาดูใจ และใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เรื่องเศร้าสลดก็เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์สังเวยปมรักสามเส้าอย่างน่าสยดสยอง
เจ็ดนาฬิกา วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม “เพ็ญ” และ “บอย” เดินลงมาจากห้องพักในอาคารหมู่บ้านเอื้ออาทร ลาดกระบัง 2 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กทม. เพื่อจะไปทำงานด้วยความเร่งรีบเหมือนเฉกเช่นพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป โดย “บอย”นั้นทำงานอยู่แผนกตรวจสอบสินค้า ห้างคิงเพาเวอร์ ส่วน “เพ็ญ” ทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่วิทยาลัยดุสิตธานี สอนวิชาสถิติ และคณิตศาสตร์ระดับปริญญาตรี
ทั้งคู่ขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ สปอร์ตไรเดอร์ สีแดงเลือดหมู หมายเลขทะเบียน กธ 744 ลพบุรี โดย “บอย” รับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับรถพา “เพ็ญ” แฟนสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับไปส่งที่ทำงานที่วิทยาลัยดุสิตธานี ก่อนจะขับรถเลยไปที่ทำงานตัวเอง
“บอย” สตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเข้าเกียร์เพื่อจะขับรถออกจากลานจอดรถที่จอดเข้าซองไว้ด้านหน้าอาคารจอดรถหมู่บ้านเอื้ออาทรที่ทั้งคู่อาศัยเป็นรังรัก แต่เหมือนกับว่ามีอะไรขวางล้อรถอยู่จนไม่สามารถขับเคลื่อนออกไปได้สะดวก
ด้วยความเร่งรีบกลัวว่าจะไปทำงานสาย “เพ็ญ” จึงเอ่ยปากให้ “บอย” ลงไปดูว่ามีอะไรติดขัดขวางล้อรถไว้หรือไม่??
“บอย” จึงลงไปตรวจสอบทันทีพบสิ่งแปลกปลอมที่ขวางล้อรถอยู่นั้นเป็นถุงพลาสติกที่บรรจุวัสดุอะไรไม่ทราบอยู่ข้างในด้วยความเร่งรีบ และไม่ฉุกคิดว่าภัยกำลังมาถึงตัวจึงรีบดึงออกมาทันที...3..2..1.. “ตูมมมมมม” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวฉีกร่าง “บอย” จนร่างยับอย่างไม่ทันตั้งตัว!!!
แรงระเบิดส่งผลให้ “บอย” บาดเจ็บสาหัสนอนหายใจรวยรินในที่เกิดเหตุในสภาพนอนตะแคงข้างเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยโดยมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดทั่วร่างกาย และชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดลอยไปถูกตัวรถบริเวณประตูข้างคนขับด้านขวาจนย่อยยับกระจกแตกละเอียด
ส่วน “เพ็ญ” นั้นรอดชีวิตหวุดหวิดร้องเสียงหลงด้วยความตระหนกตกใจในแรงระเบิดอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน เมื่อได้สติเธอยังอยู่ในอาการมือไม้สั่นไปทั่วร่างกาย และค่อยๆ ก้าวย่างไปตรวจสอบที่มาของเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น
“เพ็ญ” ถึงกับเป็นลมล้มพับในทันทีที่เห็นสภาพ “บอย” นอนแน่นิ่งอยู่ข้างรถ ไม่นานเกินรอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.จรเข้น้อย พร้อมผู้บังคับบัญชารีบเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีที่ประสบเหตุพบรถคันดังกล่าวอยู่ในสภาพถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายทั้งคัน ยางล้อหลังแตก กระจกฝั่งขวาด้านหน้า และหลังกระเด็นหลุดออกมา ประตูรถฝั่งขวาเสียหายทั้งแถบ กระจกด้านหลังซ้ายแตกเสียหาย และภายในรถได้รับความเสียหายอย่างหนัก ที่กระบะหลังพบสลักนิรภัยระเบิด ส่วนกระเดื่องยังค้นหาไม่เจอ ส่วนนายวันชัย หรือ “บอย” ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แต่คนเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
พ.ต.ท.สันติ มีศิริ รอง ผกก.สส.สน.จรเข้น้อย บอกว่า ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นระเบิดสังหารลูกเกลี้ยง ชนิดขว้าง M67 ซึ่งตำรวจพุ่งประเด็นไปที่อดีตแฟนเก่าของผู้ตาย และแฟนเก่า น.ส.รัฐพร รวมทั้งเรื่องที่ผู้ตายเคยมีปัญหาเรื่องแย่งที่จอดรถกันจนเคยเฉี่ยวชนรถผู้ที่อาศัยอยู่ในเอื้ออาทรด้วยกัน อีกทั้งเคยถูกคนร้ายขับรถมาขวางก่อนลงมาใช้ไม้เบสบอลตีจนได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตำรวจได้เชิญ น.ส.อังคณา หรือแจง ทันนิธิ อายุ 30 ปี แฟนเก่าผู้ตายมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นยังไม่พบพิรุธใดๆ หรือประเด็นใดที่จะนำไปสู่การฆ่านายวันชัยได้ ส่วนสามีเก่าของ น.ส.รัฐพร ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญตัวมาสอบปากคำแล้วก็ไม่พบพิรุธเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้เรียกตัวลูกศิษย์ของ น.ส.รัฐพร และเคยคบหาดูใจกันก่อนจะเพิ่งเลิกรากันแล้วมาคบกับผู้ตายให้เดินทางมาสอบปากคำด้วยเช่นกัน
พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 เปิดเผยว่า เบื้องต้นมุ่งไปที่ประเด็นชู้สาวเป็นหลักเนื่องจากภายหลังจากการตรวจสอบประเด็นที่ทำงานของผู้ตาย พบว่า ผู้ตายทำงานอยู่ในแผนกตรวจสอบสินค้า คอยนับยอดสินค้าขาเข้ามาแล้วจ่ายออกไป ซึ่งมีระบบตรวจสอบถึง 3 ขั้นตอน ไม่น่าจะมีปัญหาขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องทำงานแต่อย่างใด ส่วนประเด็นชู้สาว ยังคงต้องทำการสอบสวนแฟนของทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากเคยมีแฟนกันมาก่อนหน้านี้ทั้งผู้ตาย และแฟนสาว โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการเรียกตัวนาย ประดิษฐ์ ดีใจ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่สถาบันเดียวกัน อีกทั้งเคยเป็นอดีตแฟนของอาจารย์สาว โดยคบมากันมานานกว่า 4 ปี ทั้งนี้ ยังเคยพา น.ส.รัฐพร ไปซื้อรถจากเพื่อนคนหนึ่ง ที่เป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แล้วเคยพักอาศัยอยู่อาคาร 22 ของโครงการเดียวกับ น.ส.รัฐพร อีกหนึ่งรายทราบว่า เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สาวเอง ทราบชื่อ นายภูมิพงศ์ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งในแนวทางการสืบสวนคาดว่าจะไม่เกี่ยวข้องเนื่องจากคบหากันมาเพียง 2 เดือนแล้วเลิกรากัน
ด้าน “เพ็ญ” บอกว่า ตนเพิ่งคบหากับผู้ตายได้ประมาณ 3 เดือน โดยก่อนหน้านั้นต่างคนก็ต่างมีแฟนอยู่แต่ได้เลิกรากันไปหมดแล้ว โดยตนพักอยู่ที่อาคาร 19 ส่วนผู้ตายพักอยู่ที่อาคาร 6 จากนั้นคบหากันได้สักระยะผู้ตายก็ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับตน ระหว่างที่คบกับผู้ตายอยู่นั้น แฟนเก่าของผู้ตายก็ได้เคยส่งเอสเอ็มเอสมาข่มขู่ว่าหากไม่เลิกกันให้ระวังตัวไว้ให้ดี ตนกับผู้ตายก็พยายามระวังตัวมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ตายถูกทำร้ายร่างกาย โดยระหว่างขับจักรยานยนต์ไปทำงานมีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถยนต์วีออสสีดำ ลงมารุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.จรเข้น้อยแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ อีกเรื่องหนึ่งยังเคยมีปัญหาภายในกับบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในอาคารเรื่องที่จอดรถกันอีกด้วย
ฟังๆ ดูแล้วคดีนี้ไม่น่าจะสืบสวนหาตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายได้ยากเย็นนัก...“แรงระเบิดว่าอานุภาพรุนแรงแล้ว ยังไม่เเรงเท่าพิษรักแรงหึงแรงอาฆาตพยาบาท” ที่เล่นงานคู่รักหลายๆ คู่ ที่หลังเลิกรากันไปสถานภาพกลับแปรเปลี่ยนเป็น “คู่แค้นคู่อาฆาต” จองเวรจองกรรมกันไม่เลิกรา....
เรื่อง : สอนของพ่อ สถิตในดวงใจ