ตำรวจ สน.บางขุนเทียนรับแจ้งเหตุคนร้ายทำลายทรัพย์สินภายในบ้านช่างภาพฝ่ายรายการ สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เมื่อคืมที่ผ่านมาจากนายทุนทวงหนี้นอกระบบ
วันนี้ (19 มี.ค.) เมื่อ เวลา 11.00 น. ร.ต.ท.ศราวุธ อ้นแสง พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.สุนทร อัมพรายน์ ผกก.สน. บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุจากนายนิพนธ์ ลาภศรี มงคล อายุ 38 ปี ช่างภาพฝ่ายรายการสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 จากกรณีที่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้มีกลุ่มไม่ประสงค์ดีเข้ามาทำลายทรัพย์สินภายในบ้านจนข้าวของบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 70/9 แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม.ได้รับความเสียหาย และถูกข่มขู่หลายครั้งจากกลุ่มทวงหนี้นอกระบบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น บริเวณหน้าบ้านพบเศษกระถางต้นไม้กระจัดกระจายเต็มหน้าบ้าน มีเศษไฟนีออนแตกกระจาย จากการสอบสอนทำให้ทราบว่าเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ที่ผ่านมา ได้มีชายนิรนามเข้ามาเคาะประตู โดยมาถามถึงเรื่องหนี้ที่ได้ไปยืมมา แต่กลับถูกนาย นิพนธ์ไล่ออกไป ก่อนจะจะพาพวกจำนวน 4 คนกลับมาตอนเวลา 23.00 น. มาเขย่าประตูบ้าน ก่อนจะเดินไปหยิบกระถางต้นไม้บริเวณหน้าบ้านขวางปาใส่ประตูบ้านจนแตกกระจาย
นายนิพนธ์ให้การว่า ตนรู้จักกับเพื่อนอีกคนที่ชื่อนายไอราพต พรมหมธีระวงค์ อายุ 39 ปี อดีตผู้กำกับเวทีสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 มาเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากเป็นเพื่อนสมัยเรียน จนเข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ด้วยกัน ต่อมาในช่วงปีต้นปี 54 ที่ผ่านมา นายไอราพตได้หันไปทำธุรกิจด้านผลิตเสื้อผ้า โดยได้ขอยืมเงินตนไปจำนวน 2 ล้านบาท และพรรคพวกภายในที่ทำงานอีกหลายคนรวมแล้วเป็นจำนวนเงินกว่าหลาย 10 ล้านบาท จากนั้นในช่วงเดือนตุลาคม 2554 นายไอราพตได้มาอ้างกับต้นว่าในตอนนี้เงินที่ได้ยืมไปหมดแล้วเนื่องจากโดนโกงจนเงินหมดตัว จึงได้เข้ามาเพื่อปรึกษาว่าตอนนี้มีที่ดินอยู่ที่ราชบุรี จึงอยากจะขอให้ตนเป็นผู้ค้ำประกันให้เพื่อนำเงินก้อนใหม่มาลงทุน ด้วยความสนิทสนมและเชื่อใจจึงได้มอบเอกสารพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้องมอบให้ไป 2 ชุด เพื่อทำเรื่องกู้กับธนาคาร
ต่อมาเมื่อกลางปี 2555 ตนกลับได้รับการติดต่อจากบริษัท โตโยต้า ว่าขาดส่งค่ารถเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว จึงปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ตนเป็นผู้ซื้อ และไปตรวจสอบพบว่านายไอราพตได้นำเอกสารของตนไปซื้อรถกะบะโตโยต้า 2 คัน รถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 1 คัน และจักรยานยนต์อีก 2 คัน และทำบัตรเคดิตไปอีก 2 ใบรูดเงินไปแล้วกว่า 2 แสนบาท อีกทั้งยังเอาเอกสารของตนไปกู้เงินนอกระบบอีกเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ไม่ทราบ จนตนต้องเข้าแจ้งความไปที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายนิพนธ์กล่าวต่ออีกว่า ที่ตนถูกข่มขู่ในลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เพียงครั้งแรก เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มชายเหล่านี้ก็เคยมาทวงเงินที่ยืมจากเฮียจั๊วไป ซึ่งตนก็อธิบายไปว่าตนไม่ได้เป็นคนยืม ทำไมไม่ไปทวงคืนที่คนยืม แต่วันนั้นก็ไม่ได้มีการทำลายข้าวของหรือทรัพย์สินใดๆ นอกจากนี้มักจะมีโทรศัพท์โทร.มาทวงหนี้อยู่เป็นประจำ จนวันนี้ได้มีการทำลายข้าวของ ตนเกรงว่าจะเป็นอัตรายต่อตนและครอบครัวจึงได้เข้าแจ้งความในวันนี้ โดยล่าสุดเคยได้รับเงินจากนายไอราพต จำนวน 125,000 บาท โดยอ้างว่าช่วยโอนไปคืนเฮียจั๊วให้หน่อยจะได้จบเรื่องกันไป แต่ตนเกรงว่าจะมีความผิดจึงไม่ได้โอนต่อ อีกทั้งไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ท้องที่ของธนาคารและอายัดบัญชีไว้ก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่มีการบุกรุกทำลายทรัพย์สินภายในบ้าน ส่วนกรณีที่ฉ้อโกงนั้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่กรองปราบปรามแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะตามตัวผู้ที่อยู่ในกล้องวงจรปิดเพื่อมาสอบสวนต่อไป