ตร.ออกหมายจับตามภาพสเกตช์คนร้ายจี้มือถือนักข่าวไทยโพสต์

ตำรวจ สน.พหลโยธิน ขออนุมัติหมายจับคนร้ายตามภาพสเกตช์คนร้ายจี้ชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือนักข่าวไทยโพสต์จนบาดเจ็บสาหัส จากศาลอาญารัชดาแล้ว คาดรวบได้ภายในเร็ววันนี้!

วันนี้ (19 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อคลี่คลายคดีกรณีที่นายสุวัฒน์ ปัญจวงศ์ อายุ 29 ปี ผู้สื่อข่าว นสพ.ไทยโพสต์ ประจำศาลอาญารัชดา ที่ถูกคนร้าย 2 รายขี่จักรยานยนต์ชิงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนกีย รุ่น 6300 ในซอยรัชดาภิเษก 36 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร ท้องที่ สน.พหลโยธิน แล้วใช้มีดแทงลำคอจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น โดยใช้เวลาประชุมและวางแผนดำเนินงานประมาณ 30 นาที

พ.ต.อ.ชาตรีกล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับคนร้ายตามภาพสเกตช์ในคดีนี้แล้ว จำนวน 1 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุประมาณ 20 ปี สูงประมาณ 160 ซม. ผิวดำแดง สวมหมวกกันน็อกครึ่งใบ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนขายาวทรงเดฟ ขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเทา ไม่มีตะกร้าหน้ารถ และไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ตามหมายจับเลขที่ 480/2556 ลงวันที่ 19 มี.ค.ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธ (มีด) เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หลังจากนี้จะได้นำภาพสเกตช์ไปประสาน สน.ใกล้เคียง และ กก.สส.บก.น.2 เพื่อตรวจสอบประวัติว่า มีคนร้ายรูปพรรณใกล้เคียงกับที่เคยก่อเหตุในลักษณะนี้หรือไม่เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้าย

พ.ต.อ.ชาตรีกล่าวอีกว่า โดยฝ่ายสืบสวนจะนำภาพสเกตช์ที่ออกมาให้ นายสุวัฒน์ ผู้บาดเจ็บตรวจสอบดูว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ ส่วนพยานสอบไปแล้วจำนวน 3 ปาก เป็นผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ รปภ.ที่เห็นเหตุการณ์ และพ่อของผู้บาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ รปภ.ให้การระบุว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมี 2 คน โดยคนขับขี่จักรยานยนต์สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวทรงเดฟ สวมหมวกกันน็อคครึ่งใบสีเทา ส่วนคนซ้อนท้ายสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทา กางเกงขายาวทรงเดฟและสวมหมวกกันน็อกครึ่งใบเช่นกัน นอกจากนี้ คนร้ายทั้ง 2 คนลักษณะหน้าตาคล้ายกันด้วย หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดที่หวังผลไว้จำนวน 5 จุดที่คาดว่าจะเห็นคนร้ายและเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี สำหรับกล้องวงจรปิดตรงที่เกิดเหตุไม่สามารถจับภาพได้เนื่องจากมีต้นไม้บังมิด จึงไม่เห็นขณะเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการลงพื้นที่หาภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้วก็จะนำมาปะติดปะต่อกันเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามคนร้าย คาดว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้