กองปราบฯ แถลงข่าวจับกุมนักดนตรีแสบ! อ้างโปรดิวเซอร์ “อัสนี-วสันต์” หลอกลวงเหยื่อสาวให้โอนเงินเข้าบัญชีมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท!
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.สมโภชน์ เข็มเพ็ชร์ สว.กก.3 บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายชัยณรงค์ ฉิมนอก อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/17 ซอยชุมชนหัวโค้ง 2 แขวงและเขตคลองเตย กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 420/2556 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2556 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้ที่ลานจอดรถอพาร์ตเมนต์ บริษัท ธาราการ์เด้น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 3 ซอยรามคำแหง 164 แขวงและเขตมีนบุรี กทม.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.เอ และ น.ส.บี (ทั้งสองนามสมมติ) ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ก่อนหน้านี้ว่าถูกนายชัยณรงค์หลอกลวงให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร หลังจากรู้จักและคบหากันผ่านทางเว็บไซต์ www.jubkoo.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์จัดหาคู่ชื่อดังแห่งหนึ่ง รวมมูลค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2555 ก่อนที่ชุดสืบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้
น.ส.เอ หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งทำงานเป็นพนักงานบริษัทจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในประเทศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปเสิร์ชข้อมูลผ่านเว็บไซต์กูเกิลดอตคอม เกี่ยวกับเว็บไซต์หาคู่ ก่อนจะพบเว็บไซต์ www.jubkoo.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์แห่งเดียวที่ไม่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือให้รายละเอียดต่างๆ เพียงแต่เข้าไปสมัครสมาชิกก็สามารถค้นหาบุคคลที่ต้องการทำความรู้จักได้ทันที ก่อนที่จะพบกับผู้ต้องหาที่ขณะนั้นอ้างตัวว่าชื่อ นายเจนพิทักษ์ โสมนัสศิริวัฒนา ณ อยุธยา มีอาชีพเป็นนักดนตรี และทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินชื่อดัง “อัสนี-วสันต์ โชติกุล” สังกัดค่ายแกรมมี่ นอกจากนี้ได้ใช้รูปภาพของบุคคลอื่นที่หน้าตาดีมาโพสต์พร้อมกับแสดงสถานะว่าครอบครัวมีฐานะดี เคยไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นจึงมีการพูดคุยกันผ่านโปรแกรมแชตจนเกิดความเชื่อใจยอมแลกเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกัน
น.ส.เอกล่าวต่อว่า ระหว่งาที่พูดคุยกันนั้นผู้ต้องหาพยายามพูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานา จากนั้นทำทีว่าจะโอนเงินมาให้เพื่อยืนยันว่าที่บ้านมีฐานะดีจริง แต่พอสักพักกลับอ้างว่าอยู่ต่างประเทศ ขั้นตอนที่จะโอนเงินทำได้ลำบาก ต่อมาก็ออกอุบายเป็นฝ่ายขอหยิบยืมเงินจากตนเพื่อไปทำธุรกิจ โดยให้โอนเงินไปหลายครั้งเป็นจำนวนนับล้านบาท
“ครั้งแรกก็เชื่อว่าเขาคงไม่ได้หลอกเรา เพราะเขาอ้างถึงบุคคลต่างๆ ทั้งดารา นักร้อง ผู้มีชื่อเสียงจำนวนมาก แม้กระทั่งช่วงที่ถูกเอ่ยปากขอหยิบยืมเงินเขาก็ยืนยันว่าจะหามาคืนให้แน่นอน เขามีวิธีการพูดจาหว่านล้อมจนเราหลงคารมและยอมใจอ่อนทำตาม ที่ผ่านมาก็เคยขอนัดพบเขา แต่ทุกครั้งก็จะถูกบ่ายเบี่ยงโดยเขาอ้างว่าติดงานบ้าง หรือถูกผู้จัดการส่วนตัวกักตัวไว้ไม่ให้ออกไปไหน และอีกหลายครั้งก็ติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ทำให้ฉันเริ่มเอะใจคิดว่าน่าจะถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว” น.ส.เอกล่าว
สอบสวนนายชัยณรงค์ให้การว่า มีอาชีพเป็นนักดนตรีตระเวนแสดงตามผับต่างๆ ใน กทม.โดยตนมีครอบครัวแล้ว ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อประมาณปี 2550 ตนได้โพสต์ข้อมูลต่างๆ ไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าว โดยนำภาพบุคคลที่หน้าตาดีที่นำมาจากทางอินเทอร์เน็ตมาตั้งโปรไฟล์ พร้อมทั้งสร้างข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-สกุล ที่แอบอ้างขึ้น จากนั้นจึงทำความรู้จักกับบรรดาผู้เสียหายที่เข้ามาติดต่อและพูดคุยผ่านโปรแกรมแชต แลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกัน รายใดที่เริ่มสนิทก็จะยอมเปิดเผยตัวตนภายหลังว่าไม่ได้เป็นคนที่ได้โพสต์รูปไว้ในเว็บไซต์ ซึ่งหากหญิงสาวรายใดต้องการจะคบหากับตนต่อไปก็จะนัดพบกัน
“ผมขอยืนยันว่าทุกรายที่ผ่านมานั้นผมคบหาจริง แต่ยอมรับว่าได้ขอหยิบยืมเงินจากผู้เสียหายโดยต้องการนำไปลงทุนทำร้านอาหารชื่อร้าน “แอดกู้ด” ตั้งอยู่ที่ซอยรามคำแหง 160 (มิสทิน) ถ.รามคำแหง เขตสะพานสูง กทม. ซึ่งแต่ละครั้งจะหยิบยืมเงินจากเหยื่อหลักหมื่นถึงแสนบาท มีผู้เสียหายที่โอนเงินให้ประมาณ 10 ราย อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่ามีนิสัยเจ้าชู้ คุยสนุก ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นก็อยากจะขอโทษผู้เสียหาย และยินดีจะหาเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายทั้งหมด” นายชัยณรงค์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหาได้หลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมากกว่า 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการสอบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารต่างๆ ที่ได้รับการโอนเงินจากผู้เสียหาย หลังจากนั้นจึงพิจารณาดำเนินคดีตามความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สำหรับผู้เสียหายที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงด้วยพฤติการณ์ลักษณะเดียวกัน ขอให้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม หรือชี้ตัวผู้ต้องหาได้ตลอดเวลา