ศุลกากรจับสาวฟิลิปปินส์ ลักลอบขนโคเคน 3.2 กก.มูลค่า 13 ล้าน ค่าด่านตรวจสนามบินนานาชาติสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สารภาพรับจ้างขนยาเสพติดให้ชาวต่างชาติที่มาอยู่ในประเทศไทย
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีกรมศุลกากร ด้านปราบปราม นายไพศาล ชื่นจิตร ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม นายจำเริญ โพธิยอด ผอ.สำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 นายธนิต วัฒน์ธนนันท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 และนายวุฒิพงศ์ ท้าวฬา รักษาการนายด่านศุลกากรเกาะสมุย พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม ศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส. ปาเกเอต แอน เมอเรย์ โอโลอัน (MS.PAGE-ET ANN MURRAY OLOAN) อายุ 28 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ พร้อมของกลางโคคาอีน น้ำหนัก 3.2 กก.มูลค่าประมาณ 13 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
นายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีกรมศุลกากร ด้านปราบปราม กล่าวว่า ตามที่ นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรและปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติต่างๆ ที่อยู่ในประเทศ จนกระทั่งสืบทราบว่า จะมีหญิงชาวต่างชาติลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ ผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จึงเฝ้าระวังและพบ น.ส.ปาเกเอต แอน เมอเรย์ โอโลอัน ซึ่งเป็นผู้โดยสารของสายการบินสายการบินซิลค์แอร์ เที่ยวบินที่ MI 772 ลักษณะตรงกับที่สายลับแจ้ง จึงขอตรวจค้นกระเป๋าเดินทาง พบโคคาอีนห่อด้วยพลาสติกซุกซ่อนอยู่ในเสื้อหนังสตรี จำนวน 2 ตัว และซุกซ่อนในกระเป๋าสะพายขนาดเล็ก จำนวน 8 ใบ น้ำหนักรวมพลาสติกห่อหุ้มประมาณ 3.2 กก.เจ้าหน้าที่จึงนำไปทดสอบเบื้องต้นด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติด ผลการทดสอบปรากฏว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ราคาประมาณ 13 ล้านบาท
จากการสอบสวน น.ส.ปาเกเอต แอน เมอเรย์ โอโลอัน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย ให้ลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ โดยตนเองมีอาชีพเป็นพนักงานขายของในร้านสะดวกซื้อ ที่ประเทศสิงคโปร์ และมีเพื่อนที่เป็นคนสัญชาติเดียวกัน ติดต่อให้มาขนยาเสพติดมาจากเมืองโบโกลตา ประเทศโคลอมเบีย ก่อนเดินทางด้วยเครื่องบินมายังเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ก่อนแวะเปลี่ยนที่สิงคโปร์ ก่อนจะมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย โดยหลีกเลี่ยงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะมีการตรวจจับอย่างเข้มงวด ซึ่งทำเป็นครั้งที่สองแล้ว โดยครั้งแรกได้ค่าจ้างประมาณ 4,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 120,000 บาทไทย และจะได้ค่าจ้างเมื่อส่งของเรียบร้อย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ จากสถิติในปีงบประมาณ 2556 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ถึงปัจจุบัน กรมศุลกากรสามารถจับกุมผู้ลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติภูมิภาค ได้ทั้งสิ้น 9 คดี รวมมูลค่าประมาณ 102,995,000 บาท