อดีตพลร่มอเมริกันเมาหลอนพังป้ายหาเสียงย่านดอนเมือง

สุดเพี้ยน! ตำรวจ สน.ดอนเมืองรวบอดีตพลร่มอเมริกันเมาหลอน พังป้ายหาเสียงย่านดอนเมือง อ้างป้ายหาเรื่อง

วันนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 03.30 น. ขณะที่ ร.ต.อ.ชนินทร์ พรหมสิทธิ์ รอง สวป.สน.ดอนเมือง นำกำลังออกตรวจความเรียบร้อยบริเวณหน้ากองพันทหารพัฒนา ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. พบชายมีอาการมึนเมากำลังทำลายป้ายหาเสียงผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานครอยู่ โดยการดึงป้ายที่แขวนมัดติดกับต้นไม้และเสาไฟฟ้าข้างทางออกแล้วโยนทิ้งลงคลองข้างทางเป็นจำนวนมาก จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ดอนเมือง

จากการสอบสวนชายดังกล่าวหลังเริ่มได้สติแต่ยังมีอาการมึนเมาอยู่ให้การรับสารภาพว่า ชื่อนายแอนดรูว์ เจมส์ แอ็กนิว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/33 ซอยนาวงประชาพัฒนา 11 ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน และเป็นอดีตทหารหน่วยพลร่ม กองทัพสหรัฐอเมริกา ออกจากกองทัพมาได้ระยะหนึ่งแล้วและเพิ่งกลับมาประเทศไทยได้ 3 อาทิตย์เพื่อมาเยี่ยมแม่และจะมาเรียนต่อ ตอนอยู่กองทัพเคยไปรบที่สมรภูมิอิรักและอัฟกานิสถานด้วย ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเบียร์ที่ร้านอาหารเจี๊ยะข้าวต้มจนเมา และกำลังเดินกลับบ้านระหว่างทางมีอาการมึนเมาแล้วจะล้มเลยเอาแขนไปเท้าที่เสาไฟฟ้า สังเกตเห็นป้ายหาเสียงติดเรียงรายเป็นจำนวนมากตนตกใจคิดว่ามีคนมาหาเรื่อง เนื่องด้วยภาพป้ายหาเสียงที่มีรูปลักษณะหาเรื่องตน ดังนั้นจึงต่อสู้กับป้ายที่ขว้างหน้าเกือบทั้งหมด แต่เริ่มได้สติแล้วรู้สึกเหนื่อยมานั่งดูและเพิ่งเข้าใจว่าเป็นป้ายหาเสียงอยู่บนฟุตปาธ บวกกับรู้สึกเกะกะขวางทาง และเกิดอันตรายแก่ผู้ที่ผ่านไปมา จึงใช้มือดึงป้ายออกแล้วโยนทิ้งลงคลองทั้งหมด เพราะที่สหรัฐอเมริกาไม่มีการติดป้ายกันแบบนี้ จะทำให้เกิดอันตราย

พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิท รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง กล่าวว่า สอบสวนเบื้องต้นผู้ก่อเหตุทำไปเพราะความมึนเมา ไม่ได้มีพฤติกรรมจูงใจทางการเมือง สำหรับป้ายหาเสียงที่ถูกทำลายนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นป้ายหาเสียงของผู้สมัครเบอร์ 10 จำนวน 1 ป้าย เบอร์ 9 จำนวน 2 ป้าย และเบอร์ 16 จำนวนหลายป้าย รวมแล้วกว่า 60 ป้าย และจากการตรวจสอบพบว่าป้ายส่วนใหญ่เสียหายจากการเปียกน้ำ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเมาแล้วก่อความวุ่นวายทันที ก่อนนำตัวไปปรับตามกฎหมาย ส่วนข้อหาทำลายป้าย ต้องรอผู้เสียหายมาแจ้งความก่อน ซึ่งขณะนี้ตัวแทนเบอร์ 9 ได้มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว และหากมีคนมาแจ้งความ เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์เพิ่มเติม แต่หากไม่เอาเรื่องก็สามารถยอมความกันได้เช่นกัน