จากเหตุการณ์วัยรุ่นเลือดร้อนยกพวกตะลุมบอนปาระเบิดกลางคอนเสิร์ต 25 ปี “พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” ที่จัดขึ้นที่เมืองทองธานีเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 55 เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะที่คอนเสิร์ตต้องถูกระงับกลางคัน ด้านตำรวจควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุไว้ได้นั้น ความอัปยศในการจัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย ส่วนตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 14 คน
เหตุการณ์ครั้งนั้น “ปู พงษ์สิทธิ์” ถึงกับประณามพวกที่ยกพวกตีกันอย่างรุนแรงว่า...“พี่น้องครับรู้ไหมทำแบบนั้นแล้วคนอื่นเดือดร้อน เห็นเก้าอี้ล้มไหมมีความสุขไหม ประเทศไม่เจริญก็เพราะพวกมึงนี่แหละ มึงจะเรียนช่าง เรียนช่างพ่อมึงเหรอ มึงเรียนช่างมาเพื่อกอบกู้ประเทศ ทักษะทุกอย่างที่โรงเรียนมึงสอนน่ะ ไอ้ที่ทำอยู่หมาก็ทำเป็น ขอความเมตตา (เสียงระเบิดปิงปองดัง) ไอ้จุดประทัดระเบิดปิงปองเนี่ย ไอ้ค....กระจอก ที่อำเภอหัวค...เขาก็จุด แต่พวกมึงเก่งกว่านั้นเรียนมาฉลาดกว่านั้น....ค....”
“พี่น้องครับ ตบมือขอความเมตตาให้พี่ๆ เขาออกไปได้ไหมครับ มีใครรอให้ตีอยู่เยอะแยะอยู่ตามถนน ออกไปตีกับเขาสิถ้าเก่ง แถวนี้มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก น่าละอายเกิดเป็นหน้าตัวเมีย ทำเป็นตื่นเต้น เขวี้ยงระเบิดเอง ไล่ตีเขาเอง แล้วเสือกตื่นเต้นเองด้วย”
ไม่ถึงเดือนเหตุการณ์วัยรุ่นตีกันในงานแสดงคอนเสิร์ตเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในวันเสาร์ที่ 12 ม.ค. 56 ขณะมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จัดงานมหกรรมดนตรีเพื่อธรรมชาติและชีวิต ครั้งที่ 16 พื้นที่บริเวณพนมดารารีสอร์ท เขาใหญ่ ใกล้แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ. นครราชสีมา ซึ่งรูปแบบของคอนเสิร์ตวงดนตรีเพื่อชีวิต ของเมืองไทยกว่า 10 วง เช่น วงแฮมเมอร์, คาราวาน, มาลีฮวนน่า, ซูซู, เศก ศักดิ์สิทธิ์, คนด่านเกวียน, เขียว คาราบาว, ด้ามขวาน, โฮป แฟมิลี่, บ่าววี เปิดการแสดงตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงช่วงเช้าวันที่ 13 ม.ค. 56
กระทั่งเวลา 03.30 น. วันที่ 13 ม.ค. 56 การแสดงคอนเสิร์ตรครั้งนี้ก็มีเหตุยิงกันบริเวณด้านหน้าเวทีคอนเสิร์ต มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คนนอนอยู่ที่พื้น ประกอบด้วย นายณรงค์ วิวาห์พัตร อายุ 45 ปี ถูกกระสูนปืนยิงเข้าบริเวณหน้าอกซ้ายทะลุหลัง 1 นัด กระสุนตัดขั้วหัวใจ ตามร่างกายสักยันต์เต็มตัว พร้อมแขวนลูกประคำสีดำหลายเส้น เสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล และ น.ส.สุมิตราศรีมารีรัตน์ อายุ 19 ปี ถูกกระสูนปืนเข้าบริเวณขาขวากระสูนฝังใน และนายชัชชาติ บุญชูรอด อายุ 31 ปี (ผู้ก่อเหตุ) ที่ถูกรุมประชาทัณฑ์จนน่วมทั้งตัว
และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมาภายในการแสดงคอนเสิร์ตการกุศล “แสงแห่งหวัง แอ๊ด คาราบาว-เสก โลโซ” ที่จัดขึ้นที่สนามกีฬาการท่าเรือแห่งประเทศไทย เกิดเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันในงานแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้เมื่อเวลา 22.30 น. ตำรวจปราบจลาจล บก.น.5 จำนวน 300 นาย และบก.น.4 จำนวน 150 นาย รวม 750 นายดูแลความเรียบร้อยและระงับเหตุ
จากการเกิดเหตุวิวาทของกลุ่มผู้ชมคอนเสิร์ตบ่อยครั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้ออกมาสั่งการว่า กรณีมีจะมีการจัดการแสดงใดๆในพื้นที่ใด ซึ่งประเมินได้ว่ามีความเสี่ยงเกิดเหตุไม่สงบ ให้จัดตั้งกองอำนวยการร่วมเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยทุกครั้ง เพื่อให้มีความพร้อมในการเข้าคลี่คลายและควบคุมสถานการณ์
เกี่ยวกับเรื่องปัญหาวัยรุ่นตีกันในงานแสดงคอนเสิร์ตบ่อยครั้ง “ชาลี ประธาน” สมาชิกวงแฮมเมอร์ ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับต้นเหตุการเกิดปัญหาและการแก้ไขปัญหาไว้อย่างน่าสนใจว่า สาเหตุของปัญหาวัยรุ่นตีกันในงานแสดงคอนเสิร์ตจากประสบการณ์ที่เล่นดนตรีมาอาชีพมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีนั้น ประกอบด้วย 3 ปัจจัย 1. สุรา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 2. วัยรุ่นใช้เวทีคอนเสิร์ตเป็นจุดนัดพบเพื่อ “ล้างแค้น” คู่กรณี (โจทก์) และ 3. การตรวจตราและการรักษาความปลอดภัยไม่มีประสิทธิภาพ
ชาลีมองว่า “สุรา” คือต้นเหตุหลักในการทำให้เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทในงานแสดงคอนเสิร์ต หากระงับการจำหน่ายจ่ายแจกสุรา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในงานแสดงคอนเสิร์ตได้ “ปัญหาวัยรุ่นตีกัน” จะน้อยลง แต่ก็ทำได้ยากเพราะมีเงื่อนไขทางธุรกิจของสปอนเซอร์ของผู้จัดส่วนใหญ่แล้วจะเป็นธุรกิจเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็น “ทุนนิยม” หลักในการจัดแสดงคอนเสิร์ตหากมีภาคธุรกิจเหล่านี้เป็นสปอนเซอร์ในการจัดงานก็จะมีการตั้งบูทเพื่อแจกจ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ร่วมงานซึ่งก็เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า สุราดื่มเข้าไปมาก ๆ แล้วเป็นอย่างไร “ความประมาท-ความคึกคะนอง-ความก้าวร้าว” ก็จะถูกแสดงออกมาได้ง่ายขึ้น หากจำกัดตรงส่วนนี้ได้ปัญหาก็จะน้อยลง
และที่สำคัญคือ วัยรุ่นที่มาก่อเหตุส่วนใหญ่จะเตรียมตัวมาก่อนแล้วเพื่อต้องการจะมามีเรื่องกับโจทก์ของตนเองและเพื่อนหรือของสถาบัน เขาต้องการใช้เวทีการแสดงคอนเสิร์ตเป็นสนามประลองกำลังกันซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการควบคุมการพกพาอาวุธ แต่ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจึงทำให้วัยรุ่นเหล่านี้สามรารถพกพาอาวุธเข้ามาก่อเหตุได้ด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งสามารถเล็ดลอดการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่เข้ามาได้
ชาลีบอกด้วยว่า ศิลปินและดนตรีมีส่วนเร่งเร้าอารมณ์วัยรุ่นให้เกิด “จิตวิทยามวลชน” เกิดพฤติกรรมการลอกเลียนแบบที่ก้าวร้าว ซึ่งบางครั้งศิลปินบางท่านอาจจะใช้คำพูดที่รุนแรงบนเวทีการแสดง ด้วยการด่อทอ เสียดสี หรือแม้กระทั่งบางครั้งถึงขั้นถอดเสื้อและลงมาชกต่อยกับคนดูเองสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนการหล่อหลอมให้วัยรุ่นเกิดวัฒนธรรมที่ผิดๆ
“ผมคิดว่าการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตีกันในงานแสดงคอนเสิร์ต คือ 1. “เหล้า” อย่างงานแสดงมหกรรมคอนเสิร์ต 30 ปี แฮมเมอร์ไม่มีสุราเลย ซึ่งก็ปรากฏว่าภายในงานสงบเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น 2. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหันมารณรงค์ให้ความรู้กับเยาวชนให้รู้ว่าการมางานแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการสัมผัสความลึกซึ้งในการรับฟังดนตรีสด ไม่ใช่เวทีห้ำหั่นประลองกำลังกัน และ 3. มาตรการรักษาความปลอดภัยต้องรัดกุม เจ้าหน้าที่ต้องเพียงพอซึ่งบางครั้งผู้จัดจะประหยัดตรงส่วนนี้ไป ผมมีประสบการณ์ตรงเลยอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้จัดเขาเอารถห้องขังมาจอดรอเลยที่ประตูทางเข้าเลยซึ่งก็ได้ผลงานแสดงคอนเสิร์ตครั้งนั้นไม่มีเรื่องเกิดขึ้นเลย ตรงนี้ผมมองว่ามันช่วยได้ การที่วัยรุ่นตีกันและเหตุการณ์ลุกลามบานปลายออกไปถึงขั้นยิงกันหรือปาระเบิดศิลปินจำเป็นที่จะต้องยุติการแสดงทันที แล้วถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปควบคุมเลยตั้งแต่มันมีเรื่องกัน ก็เพราะว่ากำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอแต่หากเพียงพอเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าควบคุมทันทีและปัญหามันจะไม่ลุกลามออกไป” ชาลีสรุปทิ้งท้าย และว่าปัญหาวัยรุ่นตีกันในงานแสดงคอนเสิร์ตปัจจุบันรุนแรงกว่าในอดีตมาก!
และนี่คือความฟอนเฟะของสังคมไทยอีกเรื่องหนึ่งที่ “สุจริตชนแฟนเพลง” ต่างเอือมระอากับวัฒนธรรมผิดๆ ของวัยรุ่นไทยที่บ้ากำลังไม่ถูกที่!!! ถูกเวลา!!!
“เก่งกาจห้าวหาญนัก” สมัครลงไปเป็นทหารพรานหรืออาสาสมัครในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีกว่ามั้ย?