บก.ปคม.แถลงผลจับกุม 2 ผู้ต้องหาสาวลวงสาวไทยค้าประเวณีบาห์เรน อ้างพาไปทำงานนวดแผนไทย เหยื่อทนไม่ไหวหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา ก่อนประสาน ตร.ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ประคัลภ์ แสงส่องฟ้า รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม น.ส.ปวีณ์นุช กาญกระสัง หรือ น.ส.สุภัทรา เพ็ชรอนันต์ อายุ 36 ปี อยู่เลขที่ 19/30 แขวงและเขตคลองเตย กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1594/2555 ลงวันที่ 29 กันยายน 2555 ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลวงลวงหญิงสาวชาวไทยเดินทางไปทำงานที่ประเทศบาห์เรน โดยอ้างว่าสามารถพาไปทำงานนวดแผนไทยกับนายจ้างชาวบาห์เรน มีรายได้ดี ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็จะเป็นฝ่ายออกให้ก่อน ต่อมาภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อยอมเดินทางไปแล้ว กลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2549 จนเหยื่อทนไม่ไหวหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา จากนั้นเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา จึงเข้าแจ้งความที่ บก.ปคม.ก่อนมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ และจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพโดยอ้างว่าเคยไปทำงานเป็นพนักงานนวดแผนไทยที่ประเทศบาห์เรนมาก่อน จากนั้นจึงร่วมกับหญิงไทยและชายชาวบาห์เรนชักชวนหญิงไทยมาทำงานดังกล่าว จึงนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ก่อนขยายผลติดตามผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ประวิตร ชูศรี ผกก.3 บก.ปคม.นำกำลังจับกุม น.ส.ทิวา อสุชีวะ อายุ 24 ปี พนักงานเสิร์ฟอาหารร้านมิวสิค คาราโอเกะ ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังจากมีพฤติการณ์ลักลอบค้าประเวณีหญิงสาว ต่อมาชุดสืบสวนได้ล่อซื้อบริการทางเพศหญิงสาว 2 เป็นเงินคนๆ ละ 1,000 บาท เมื่อ น.ส.ทิวา พา น.ส.ฝน และ น.ส.นุ่น (ทั้งสองนามสมมติ) อายุ 17 ปี มาค้าประเวณีที่ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และรับเงินจำนวน 2,000 บาทไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
เบื้องต้นแจ้งข้อหาค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี โดยกระทำต่อบุคคลอายุกว่า 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อการค้าประเวณี โดยบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ส่วนเหยื่อได้นำส่งบ้านนารีสวัสดิ์ จ.นครราชสีมา รับตัวไปบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อไป
อีกราย พ.ต.อ.ธวัช ปิ่นประยงค์ ผกก.6 บก.ปคม.พร้อมกำลังจับกุม นายวิรัตน์ นิลภูผา อายุ 61 ปี อาชีพรับจ้าง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 727/2550 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ข้อหาหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานยังต่างประเทศ โดยการหลอกลวงนั้นได้มาซึ่งเงินหรือทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองแรงงาน โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถจัดหางานเป็นพนักงานนวดแผนโบราณที่ประเทศฟิลิปปินส์ มีรายได้สูง แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งเป็นค่าดำเนินการและจัดการเรื่องเอกสาร ภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แล้ว ผู้ต้องหากลับหลบหนีไปและไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งทางผู้เสียหายก็ไม่ได้เดินทางไปทำงานตามที่มีการกล่าวอ้าง
ต่อมาชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปบวชพระอยู่ที่วัดศรีสุพรรณ ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด จึงติดตามจับกุมไว้ได้ดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป