วันก่อนเขียนถึง “บ่อนเจ๊มาลัย” ในพื้นที่ บก.น.4 ที่เปิดอย่างโจ๋งครึ่ม! ในงานปาโป่ง-ปาเป้า ที่จัดขึ้นในตลาดปัฐวิกรณ์ ถนนนวมินทร์ เขตคันนายาว ท้องที่ของ สน.บึงกุ่ม ที่มี พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สน.บึงกุ่ม เป็นเจ้าของพื้นที่ และตลาดนัดแสงสีเสียงในโครงการไดมอนด์สแควร์ ท้องที่ สน.โชคชัย ในความรับผิดชอบของ พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย ที่เพิ่งย้ายมาสดๆ ใหม่ๆ แทนที่ พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ หัวหน้าโรงพักคนเก่าที่ถูก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เด้งเข้ากรุไปเนื่องจากปล่อยให้มีบ่อนในพื้นที่
ทั้งสองที่เป็นของ “เจ้าของ” เดียวกัน
ภายหลังนำเสนอไป หนังสือพิมพ์หัวสีบานเย็นส่งนักข่าวลงพื้นที่ไปถ่ายคลิปวิดีโอมาเป็นหลักฐานคาหนังคาเขา แต่ผู้ดูแลพื้นที่ บก.น.4 อย่าง พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ออกมาให้ข่าวทันทีว่าจะส่ง ตร.ท้องที่ลงไปตรวจสอบหากมีการเปิดให้เล่นการพนันจริงจะดำเนินการจับกุมตามกฎหมายทันที
ฟังแล้วอยากจะสำรอกออกมาสัก 3 รอบ!!!
ทำไมตำรวจไทยมัน “ตอแหล” เก่งอย่างนี้!
เก่งพอๆ กับรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมายืนยันกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการท้าสาบานกับ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ถึงกับมีการชี้หน้าตอบโต้กันอย่างดุเดือดเอาเป็นเอาตาย
“เฉลิม” แถไปเรื่อย อดีตเป็นสารวัตรกองปราบฯ ที่รู้เรื่องโครงสร้างตำรวจเป็นอย่างดีว่ามันมีความฟอนเฟะเน่าเหม็นเพียงใด?!
เด็กๆ ในสังกัดอย่าง “ตำรวจ”จึงยึดถือเป็นแบบอย่าง
สื่อเอาคลิปหลักฐานมาแฉให้ประชาชนรู้อย่างทนโท่!
ยังปฏิเสธความรับผิดชอบหน้าตาเฉยทำนองว่า “ไม่ทราบ หรือไม่ก็จะส่งลูกน้องลงไปตรวจสอบว่ามีการเล่นการพนันจริงหรือไม่ หากพบว่ามีการเล่นการพนันจริงจะให้มีการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทัน”
ถามหน่อยเถอะ!
“แล้วหมาที่ไหนมันจะอยู่ให้จับ!”
สน.โชคชัย ไหวตัวทันลงข่าวไปตอนเที่ยง ตกเย็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โครงการไดมอนด์สแควร์ พื้นที่ สน.โชคชัย ทันที “หัวหน้าโรงพักโชคชัย” สั่ง “เจ๊มาลัย” เก็บหลักฐานแทบไม่ทัน
“ขาเก้าอี้สั่นคลอน” เพราะนั่งตำแหน่งหัวหน้าสถานีไม่ทันไรก็เกิดเรื่องฉาวโฉ่จนเจ้านายต้องลงมาตรวจสอบพื้นที่
“นักการเมือง-ตำรวจ” ก็อย่างนี้ เผ่าพันธุ์เดียวกัน ทำอะไรแบบลูบหน้าปะจมูก เรื่องอย่างนี้จะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้
นักการเมืองและตำรวจบางนายเข้ามารับตำแหน่งแบบมี “ต้นทุน” เมื่อเข้ามารับตำแหน่งหน้าที่ จึงต้องมา “ถอนทุน” คืน ด้วยการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง
มีข้อความคิดเห็นหนึ่งของผู้อ้างว่าเป็นตำรวจนายหนึ่ง เขียนแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นตำรวจเปิดให้มีบ่อนในพื้นที่ ที่เขียนในบทความครั้งก่อนว่า
“ผมในฐานะสีกากีคนหนึ่ง อยากให้ทุกท่านมองอีกด้านหนึ่งของเงินบ่อนบ้าง เหรียญมันมีสองด้านเสมอ ตำรวจส่วนมากไม่นิยมรับเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด แต่นิยมรับเงินจากบ่อน และหวยใต้ดิน การทำงานของตำรวจในคดีอุกฉกรรจ์ต่างๆ รวมถึงคดีต่างๆ จำเป็นต้องใช้เงินในการทำงานทั้งสิ้น ทั้งสืบสวนสอบสวน ออกนอกพื้นที่ ออกข้ามเขต ตามหาข่าว ตามไล่ล่าข้ามจังหวัด กี่วัน กี่คืน ถามว่า “เอาเงินที่ไหนมาใช้ในการทำงาน” หลวงเขาไม่ได้มีงบให้นะครับ ก็เอาเงินจากบ่อนที่ส่งให้นี่แหละทำงาน”
ฟังแล้วมันทะแม่งๆ นะครับ “ตำรวจ”ต้องมารับเงิน “มาเฟีย”โดยอ้างว่าเอาเม็ดเงินมาใช้ในกิจการตำรวจช่วยเหลือประชาชน
เท่ากับว่าตำรวจยอมรับว่ารับเงินโจร!
ผมคิดว่าเครื่องแบบตำรวจเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจและทรงเกียรติสำหรับผู้สวมใส่ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องดื่มน้ำสาบานและถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าจักประพฤติตนเป็นข้าราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างเต็มที่
หากคนที่มาเป็นตำรวจแล้วรู้สึกว่าลำบาก ก็สมควรที่จะเปลี่ยนอาชีพดีกว่าสวมเครื่องแบบอันทรงเกียรติรับส่วยมาเฟียเพื่อมาทำงาน
“เรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนัน หวย บอล ที่มีอยู่เกลื่อนเมือง”
มีหรือหัวไม่ส่ายหางมันจะกล้ากระดิก “เจ้าพ่อ-เจ้าแม่” มันต้องเคลียร์พื้นที่ไว้ก่อนแล้ว หากไม่ได้รับการไฟเขียวไม่มีกล้าเปิดแน่นอน
ตำรวจเจ้าของพื้นที่ต้องรับผิดชอบไม่ใช่ออกมาบอกว่าจะส่งลูกน้องไปตรวจจับ ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล วันก่อนฝากถามไปถึงลูกน้องตนเองว่าปล่อยให้มีบ่อนในพื้นที่ บก.น.4 ได้อย่างไร? ก็ยังนิ่งเป็นฤๅษีจำศีล
หรือว่าถามไปแล้วแต่เชื่อลมปากลูกน้องที่อ้างว่า “ไม่รู้-ไม่เห็น”
ตำรวจมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชน
หากไม่รู้ว่ามีการเปิดเล่นการพนันกลางตลาดนัดอย่างโจ๋งครึ่มแล้ว “คำรณวิทย์” ยังจะปล่อยให้ประชาชนฝาก “ชีวิต” ไว้กับตำรวจนครบาลเช่นนี้ดูแลได้อย่างไร.
จักรนารายณ์.