ตำรวจประชุมความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก 24 ธ.ค.นี้
วันนี้ (20 ธ.ค.) เวลา 11.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เปิดเผยความคืบหน้าก่อนเข้าประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนว่า การประชุมในวันนี้เพื่อเตรียมส่งสำนวนและออกหมายเรียกอีกครั้งภายในวันที่ 24 ธ.ค.ที่กองบังคับการปราบปราม หลังจากได้มีการขอเลื่อนหมายจากเดิมในวันนี้ โดยเฉพาะผู้ต้องหาทั้งหมด 127 คนคดีที่เกี่ยวข้องในการฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ขณะนี้ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งสำนวนพร้อมกับตัวผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ยังไม่รวมแกนนำคนอื่นๆ
พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวอีกว่า ส่วนสำนวนข้อหาอีก 10 ราย พื้นที่ สน.ดุสิตบางส่วนได้สรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว ทั้งนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคนที่กระทำความผิดทั้งหมดในวันที่มาชุมนุม ดูจากภาพถ่ายเคลื่อนไหวและภาพนิ่ง พยานบุคคล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ หรือประชาชนที่อาจจะรู้เห็นการกระทำในวันนั้นทั้งหมด สรุปว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวต่อว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่จะดำเนินคดีเพิ่มต่อผู้เกี่ยวข้องรายอื่นได้อีกหรือไม่นั้น ซึ่งขณะนี้มีอยู่หลายคนแต่ยังไม่ระบุว่าเป็นใครอย่างไรบ้าง เพราะว่าการสอบสวนจะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ถ้าไปตั้งก่อนว่าใครจะเป็นผู้กระทำความผิดแล้วไปหาหลักฐานมาเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลายเป็นเหมือนกำหนดตัวบุคคลไว้เรียบร้อยแล้ว
“พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามกรอบระยะเวลาในการแจ้งข้อกล่าวภายใน 30 วันได้ทันหรือไม่นั้น ซึ่งที่จริงแล้วระยะ 30 วันเป็นการผัดฟ้องให้ทันตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าว โดยตามหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต้องทำให้เสร็จกรอบระยะเวลาต้องไม่ให้เกิน 30 วัน ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่หากผู้ต้องหาไม่มาตามระยะเวลาที่กำหนดและทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้ทัน อาจจะมีการขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับ อีกทั้งจะต้องดูจากการออกหมายเรียกในวันที่ 24 ธ.ค. เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าว
วันนี้ (20 ธ.ค.) เวลา 11.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เปิดเผยความคืบหน้าก่อนเข้าประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนว่า การประชุมในวันนี้เพื่อเตรียมส่งสำนวนและออกหมายเรียกอีกครั้งภายในวันที่ 24 ธ.ค.ที่กองบังคับการปราบปราม หลังจากได้มีการขอเลื่อนหมายจากเดิมในวันนี้ โดยเฉพาะผู้ต้องหาทั้งหมด 127 คนคดีที่เกี่ยวข้องในการฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ขณะนี้ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งสำนวนพร้อมกับตัวผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ยังไม่รวมแกนนำคนอื่นๆ
พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวอีกว่า ส่วนสำนวนข้อหาอีก 10 ราย พื้นที่ สน.ดุสิตบางส่วนได้สรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว ทั้งนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคนที่กระทำความผิดทั้งหมดในวันที่มาชุมนุม ดูจากภาพถ่ายเคลื่อนไหวและภาพนิ่ง พยานบุคคล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ หรือประชาชนที่อาจจะรู้เห็นการกระทำในวันนั้นทั้งหมด สรุปว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวต่อว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่จะดำเนินคดีเพิ่มต่อผู้เกี่ยวข้องรายอื่นได้อีกหรือไม่นั้น ซึ่งขณะนี้มีอยู่หลายคนแต่ยังไม่ระบุว่าเป็นใครอย่างไรบ้าง เพราะว่าการสอบสวนจะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ถ้าไปตั้งก่อนว่าใครจะเป็นผู้กระทำความผิดแล้วไปหาหลักฐานมาเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลายเป็นเหมือนกำหนดตัวบุคคลไว้เรียบร้อยแล้ว
“พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามกรอบระยะเวลาในการแจ้งข้อกล่าวภายใน 30 วันได้ทันหรือไม่นั้น ซึ่งที่จริงแล้วระยะ 30 วันเป็นการผัดฟ้องให้ทันตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าว โดยตามหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต้องทำให้เสร็จกรอบระยะเวลาต้องไม่ให้เกิน 30 วัน ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่หากผู้ต้องหาไม่มาตามระยะเวลาที่กำหนดและทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้ทัน อาจจะมีการขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับ อีกทั้งจะต้องดูจากการออกหมายเรียกในวันที่ 24 ธ.ค. เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าว