ผบก.น.6 แถลงผลงานตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ จับผู้ต้องหาชิงทรัพย์พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลมที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 ด้าม โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอลจี ฝาพับสีขาว จำนวน 1 เครื่อง และเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำเงินพร้อมกางเกงยีนส์สีดำที่ใช้ก่อเหตุพบประวัติโชกโชน สารภาพสักหน้าสักตัวจากในคุกจนหางานทำไม่ได้ ต้องกลับมาก่อเหตุอีก!!!
วันนี้ (18 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่บก.น.6 พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.ท.กฤษฎางค์ จิตตรีพล รอง ผกก.สส.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.ต.นพรุจ จิตมั่น สว.สส.สน.สำราญราษฎร์ ร.ต.อ.ปริทัศน์ รัตนรักษ์ ร.ต.ท.ชาคร เปรมฤดีเลิศ รอง สว.สส.สน.สำราญราษฎร์ พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ แถลงจับกุมตัวนายต้อง หรือนัท วิมลสุทธิ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ชุมชนบ้านบาตร ซ.บ้านบาตร ถ.บำรุงเมือง แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบ กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2174/2555 ลงวันที่ 17 ธ.ค.55 ข้อหา”ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและพกพาอาวุธ (มีด) ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลมที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 ด้าม โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอลจี ฝาพับสีขาว จำนวน 1 เครื่อง และเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำเงินพร้อมกางเกงยีนส์สีดำที่ใช้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.วัลลภ เปิดเผยว่า เนื่องจากนายต้องมีพฤติการณ์ในการชิงทรัพย์จะใช้อาวุธมีด โดยจะเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กนักเรียน และจะเลือกเอาทรัพย์คือโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ซึ่งล่าสุดได้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.55 เวลาประมาณ 09.00 น. เหตุเกิดที่บริเวณหน้าวัดสุทัศน์เทพวราราม ถนนตีทอง แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ด้วยการใช้มีดจี้โทรศัพท์มือถือพร้อมกระเป๋าสตางค์เด็กนักเรียนมัธยมปลาย บริเวณเสาชิงช้า และหลบหนีไป โดยก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่าวในวันเดียวกัน นายต้องได้ก่อเหตุชิงทรัพย์บริเวณคลองถมได้โทรศัพท์มือถือไป จำนวน 1 เครื่อง ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้จากรอยสักบนใบหน้าซึ่งผู้เสียหายสามารถจดจำได้
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า จะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้ชายเท่านั้นโดยสังเกตดูจากกระเป๋ากางเกงว่ามีกระเป๋าสตางค์หรือโทรศัพท์มือถือหรือไม่ จากนั้นจะเข้าไปประชิดตัวใช้มีดจี้ข่มขู่ให้ส่งทรัพย์สินมาให้แต่จะไม่ทำร้ายเหยื่อ เมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะนำไปขายเพื่อนำเงินมาเที่ยวเตร่และเสพยาเสพติด ส่วนรอยสักบนใบหน้าและลำตัวทั้งหมดนั้นตนได้สักมาจากในคุกเป็นความชอบส่วนตัวไม่ได้มีแก๊งแต่อย่างใด พอพ้นโทษออกจากคุกมา มักจะหางานทำไม่ได้เนื่องจากมีรอยสักเต็มตัว จึงไม่มีอาชีพต้องหันกลับมาชิงทรัพย์แบบเก่า ทั้งนี้เคยถูกจำคุกมาแล้ว 5 ปี เพิ่งพ้นโทษมาไม่นาน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 กลับมาก่อเหตุอีก
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าก่อเหตุชิงทรัพย์ เมื่อปี 2546 เขตพื้นที่ สน.พระราชวัง 14 คดี สน.พระราชวังจับกุม ติดคุกเรือนจำลาดยาว ต่อมาปี 2550 พ้นโทษออกมาได้ ก่อเหตุอีก ถูกสน.สำราญราษฎร์จับกุม ติดคุกเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ - ธนบุรี กระทั่งปี 2555 พ้นโทษ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2555 ได้ออกมาก่อเหตุดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ สน.สำราญราษฎร์ จับกุมตัวได้อีกครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป