วันก่อนมีโอกาสได้ไปเดินเปิดหูเปิดตาในงานวัดที่มักจะมีผู้จัดประจำปีในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่เรียกว่า "งานวัด" เพราะมันเหมือนกับภาพความทรงจำในวัยเด็กตามชนบทที่เมื่อมางานสังสรรค์อะไรมักจะไปลงตัวและจัดงานกันที่วัดซะเป็นส่วนใหญ่ และวัดถือเป็นสถานที่รวมจิตรวมใจคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกอะไรที่ "นักการเมืองหัวใส" บางคนจะมาหยิบฉวยโอกาสบนผืนดินวัดมาตักตวงผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้องอย่างไม่ละอายต่อ "บาป - บุญ - คุณ - โทษ"
ที่เห็นกันชัด ๆ กันเลยก็กรณี "สนามกอล์ฟอัลไพน์" ที่ "ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น" สวาปามเขมือบที่ดินวัดผืนนี้มาขายให้กับ "นักการเมือง" ที่มีความโลภจนกรรมตามทันอยู่ทุกวันนี้ไม่ต้องรอชาติหน้า
อีกกรณีก็เห็นจะเป็น "ตลาดน้ำขวัญ- เรียม" ที่อยู่หลังวัดวัดบางแพรกเหนือ ซึ่งอยู่ปากซอยเสรีไทย 60 และวัดบางแพรกใต้ ซึ่งอยู่ซอยรามคำแหง 187 ทั้งสองวัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ของชาวชุมชนมีคลองแสนแสบกั้นกลางระหว่าง 2 วัด จึงเป็นที่มาของชื่อวัดว่า "วัดบางแพรกเหนือ - ใต้" ว่ากันว่าความจริงแล้วนั่นก็คือวัดเดียวกันแต่ต่อมาได้แยกออกเป็น 2 วัด ต้องบอกว่า "นักการเมือง" มันช่างมีพรสวรรค์ในการดีดลูกคิดบวกลบคูณหารเสียจริง ๆ เมื่อสัก 2 ปีก่อนบริเวณที่ดินด้านหลังวัดทั้งสองนี้เป็นเพียงที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีค่าอะไรเลยมีเพียงเศษขวดเศษกระดาษที่มีเพียงหญิงชราคนหนึ่งสร้างเพิงเก็บของเก่าไว้ขายประทังชีวิตริม "ศาลขวัญ - เรียม" ที่ตั้งอยู่บริเวณริมตลิ่งวัดบางแพรกใต้เท่านั้น!!!
ทุกวันนี้กลับไปดูผลงานจัดสรรที่ดินวัดของ "อดีตนักการเมืองระดับคุณหญิง" เจ้าแม่กรุงเทพมหานคร ที่บริหารจัดการเสกสรรปั้นแต่งผืนดินบริเวณหลังวัดทั้งสองให้กลายเป็น "ตลาดน้ำขวัญ- เรียม" ที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ เป็นจำนวนมาก
"ศาลขวัญ - เรียม" หลังเก่าที่ผุพังกลายเป็นศาลไม้สักทองหลังใหญ่โตสมบารมีผู้จัด!!!
ที่ดินวัดไม่ต้องซื้อ! ไม่ต้องเช่า!
เพียงแบ่งเปอร์เซ็นต์ผลประโยชน์ที่ลงตัวให้กับเจ้าอาวาสและกรรมการวัดในการนำเงินรายได้เข้าวัดเท่านี้ "นักการเมือง" คนนี้ก็สามารถมีที่ดินทำกินได้ไปยันชั่วลูกชั่วหลานทีเดียว
"ได้ทั้งเงิน - ได้ทั้งบุญ (บาป)"
เพราะคงไม่มีใครมีปัญญาไปย้ายวัดแน่นอน!!!
และนี่คืออีกความชาญฉลาดของ "นักการเมือ งไทย"บนผืนดินศรัทธาแห่งพุทธศาสนิกชนที่เรียกว่า "วัด"
จักรนารายณ์.