xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง “บรรหาร” ฟ้องหมิ่น “ชูวิทย์” กล่าวหาไร้สัจจะ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ยกฟ้อง “บรรหาร” ฟ้องหมิ่น “ชูวิทย์” วิจารณ์ “เติ้ง หลงจู๊” ไร้สัจจะ หลอกลวงประชาชน ศาลชี้ติชมนักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะด้วยความสุจริต เป็นธรรม โดยไม่ได้หาประโยชน์ส่วนตน ขณะเดียวกันโจทก์ก็ยอมรับเองว่าไม่รักษาคำพูดที่เข้าร่วม รบ.พลังประชาชน “ชูวิทย์” เชื่อคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมือง คุยจับปลาไหลสุพรรรณได้ ต่อไปจะจับคนใหญ่ย่านบางบอน ส่วนการแก้ รธน.เชื่อมีปัญหาแน่


ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (12 ธ.ค.) ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.304/51 คดีแดง อ.2716 /52 ที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย มอบอำนาจให้นายนิกร จำนง เป็น โจทก์ ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18-21 ม.ค. 2551 ต่อเนื่องกัน นายชูวิทย์ จำเลยได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวพาดพิงโจทก์ถึงฉายาหลงจู๊ และวิจารณ์การร่วมรัฐบาลของพรรคชาติไทยกับพรรคพลังประชาชน ทำนองว่าโจทก์ไร้สัจจะ ไม่มีจุดยืน สังคมผิดหวัง โกหกประชาชน หลอกลวงชาวบ้านหลังจากที่นายบรรหาร โจทก์เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชาชน และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย เหตุเกิดหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย แขวงและเขตดุสิต แขวงอนุสาวรีย์ เขตพญาไท คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ

ต่อมาวันที่ 24 ส.ค. 2552 ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่วิจารณ์การกระทำโจทก์ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นบุคคลสาธารณะ อยู่ในวิสัยที่จำเลยซึ่งเป็นนักการเมือง และประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน รวมทั้งการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 45 ให้การรับรองคุ้มครองสิทธิการแสดงความคิดเห็น การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เข้าข่ายความผิด พิพากษายกฟ้อง

ส่วนการที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่านายชูวิทย์ จำเลยแถลงข่าวถึงโจทก์ในฐานะที่เป็นนักการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงาน และความประพฤติ และตามความเข้าใจของจำเลย ซึ่งเป็นการติชมด้วยความสุจริต ยุติธรรม อันเป็นลักษณะทั่วไปของวิญญูชน โดยมิได้หาประโยชน์ส่วนตน อีกทั้งโจทก์เองก็ยอมรับว่า ไม่ได้รักษาคำพูดที่ภายหลังยอมเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน การกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ภายหลังนายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ย่อมเป็นอุทาหรณ์ และเป็นบรรทัดฐานให้กับนักการเมืองที่ไม่ยอมรักษาคำพูด ไร้สัจจะ ก่อนเลือกตั้งพูดอย่าง ภายหลังเลือกตั้งก็พูดอีกอย่าง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตนยืนยันเลยว่าจับปลาไหลที่ จ.สุพรรณบุรีได้ ต่อไปก็จะจับคนย่านบางบอน ตนจับใครแล้วไม่พลาด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ของรัฐบาล เชื่อแน่ว่าจะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ขณะนี้ในสภาทางซ้ายก็ควาย ทางขวาก็ควาย พรรคตนมีเสียงน้อยอยู่ฝ่ายค้านก็ต้องปฏิบัติงานในฐานะฝ่ายค้านต่อไป


การแถลงข่าวของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่หน้าที่ทำการพรรคชาติไทยเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2551 (แฟ้มภาพ)
บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น