โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงทนายเสื้อแดง หลักอธิปไตยแบ่งแยกชัดเจน การดูแลม็อบและผู้ชุมนุมตาม พ.ร.บ.มั่นคงฯ เป็นอำนาจฝ่ายบริหาร ไม่ใช่อำนาจตุลาการที่จะก้าวล่วง ระบุ หากพบใครผิดกฎหมายให้ยื่นฟ้องผ่านกระบวนการศาล
วันนี้ (23 ก.ค.) นายสิทธิ์ศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายคารม พลพรกลาง ทนายความ นปช.และประธานสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อประชาธิปไตยและสังคม เดินทางไปยื่นหนังสือถึง นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา ผ่านเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา เพื่อขอให้ ประธานศาลฎีกาในฐานะผู้ใช้อำนาจสูงสุดของฝ่ายตุลาการ ควรแสดงท่าทีในการที่จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และการได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ ซึ่งสืบเนื่องที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้ประกาศจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ เพื่อกดดันรัฐบาล ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า
การยื่นหนังสือของกลุ่มทนายความวันนี้ ก็จะได้เสนอประธานศาลฎีการับทราบตามขั้นตอน แต่โดยหลักการและตามกฎหมายแล้ว ต้องชี้แจงว่า ประธานศาลฎีกาไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัยสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งผู้ร้องนั้น หากพบว่าน่าจะมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องยื่นฟ้องหรือคำร้องผ่านศาลยุติธรรม เช่น ศาลแพ่ง หรือ ศาลปกครอง ให้มีคำวินิจฉัยอย่างหนึ่งอย่างใด โดยขึ้นอยู่กับว่าเนื้อหาของเรื่องนี้หรือพฤติการณ์นั้นว่าอยู่ในอำนาจศาลใด
นายสิทธิศักดิ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า การดูแลจัดการความเรียบร้อยในการชุมนุมที่ขณะนี้รัฐบาลมีการประกาศใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ต้องดำเนินไปอยู่แล้ว ไม่ใช่กรณีที่ฝ่ายตุลาการจะเข้าไปก้าวล่วง เพราะตามอำนาจอธิปไตย มีการแบ่งแยกถ่วงดุลไว้ชัดเจน คือ อำนาจบริหารที่มีรัฐบาลใช้อยู่ อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ซึ่งหากเกิดกรณีที่จะเป็นความผิด แล้วจะมีการใช้อำนาจตุลาการ ก็คือ ต้องยื่นผ่านกระบวนการศาลยุติธรรม เพื่อพิจารณาเป็นคดี
“ประธานศาลฎีกา เป็นประมุขอำนาจตุลาการ 1 ในอำนาจอธิปไตยที่มีแบ่งแยกอำนาจชัดเจน หากจะให้ตุลาการกระทำการแล้วเป็นการก้าวล่วงอำนาจอธิปไตยอื่น จะกลายเป็นตุลาการภิวัฒน์เสียอีก แต่ถ้ายื่นเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับอำนาจให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วจะใช้เป็นเงื่อนไขอ้างว่าศาลเพิกเฉย หรือจะกล่าวหาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบก็คงไม่ได้ เพราะต้องถือว่าการเริ่มต้นที่ยื่นเรื่องนั้นไม่ถูกต้องโดยหลักการใช้อำนาจเสียก่อนแล้ว” โฆษกศาลยุติธรรม ระบุ