ตำรวจทางหลวงตามรวบโชว์เฟอร์แท็กซี่ฉกกระเป๋าเดินทางนักข่าวเทเลกราฟของฮอลแลนด์ ขณะขับรถไปส่งผู้เสียหายที่สนามบินดอนเมือง ผู้เสียหายรีบแจ้งตำรวจตามล่าเพราะยารักษาโรคหัวใจอยู่ในนั้นด้วย บอกหากกินไม่ทันเวลาทำให้เสียชีวิตได้ ด้านเจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งอ้างไม่เห็นว่ามีกระเป๋าอีก 1 ใบ
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผบก.ทท. พ.ต.อ.ชาคร ศรีวัฒนประยูร ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.จตุรวิทย์ คชน่วม สว.ส.ทท.กก.1 บก.ทท. แถลงข่าวจับกุม นายดนุพัฒน์ เลิศรุ่งเรืองการ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 316/91 หมู่ที่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.พร้อมของกลางรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าอัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทศ 1205 กทม. ของสหกรณ์ปทุมวันแท็กซี่ จำกัด คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง กล้องดิจิตอล 2 ตัว กล้องวิดีโอ 1 ตัว ยารักษาโรคหัวใจ กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ และเอกสารสำคัญจำนวนมาก
พล.ต.ต.รอย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา นายคีส ฟาน เดอ สตีน อายุ 61 ปี นักท่องเที่ยวชาวฮอลแลนด์ และผู้สื่อข่าวพิเศษของสำนักข่าวเทเลกราฟ ได้เรียกรถแท็กซี่ของนายดนุพัฒน์ จากโรงแรมโนโวเทล สีลม ให้ไปส่งที่สนามบินดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบินเดินทางต่อไปยังประเทศพม่า เมื่อไปถึงสนามบิน นายดนุพัฒน์ ได้รับเงินค่าโดยสารแล้วเปิดกระโปรงหลังรถหยิบกระเป๋าเดินทางส่งให้ นายคีส ฟาน เดอ สตีน เพียง 1 ใบ แล้วรีบขับรถออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้หยิบกระเป๋าเดินทางอีก 1ใบที่อยู่เบาะหลังรถส่งให้ไปด้วย
พล.ต.ต.รอย กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความต่อตำรวจท่องเที่ยวที่สนามบินดอนเมืองทันที เนื่องจากภายในกระเป๋านั้นมียารักษาโรคหัวใจที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ด้วย และหากผู้เสียหายไม่ได้กินยาดังกล่าวภายในเวลา 17.00 น.วันนี้ ก็อาจจะเสียชีวิตได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบทำการสืบสวนจนพบว่า รถแท็กซี่คันที่รับผู้เสียหายไปส่งที่สนามบินนั้น มีนายดนุพัฒน์เป็นผู้ขับขี่ และมีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ย่านวัดหลักสี่ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจค้นที่บ้านพักหลังดังกล่าว ก็พบนายดนุพัฒน์ เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเพื่อเตรียมตัวหลับพักผ่อน โดยมีกระเป๋าเดินทางของผู้เสียหายวางอยู่ในบ้านด้วย จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ
พล.ต.ต.รอย กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายดนุพัฒน์ ยังให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจจะขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหาย แต่หลังจากไปส่งผู้เสียหายที่สนามบินก็ลงไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่กระโปรงหลังส่งให้ผู้เสียหายแล้วรับเงินค่าโดยสาร ก่อนขับรถแท็กซี่ตรงกลับเข้าบ้านเพื่อนอนพักผ่อน โดยไม่ได้สังเกตว่ายังมีกระเป๋าเดินทางอีก 1 ใบวางอยู่เบาะหลังรถ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจาก ช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมตัวนายดนุพัฒน์ในบ้านพักนั้น เจ้าตัวได้นำกระเป๋าเดินทางของผู้เสียหายลงจากรถไปไว้ในบ้าน และเตรียมตัวเข้านอน โดยที่ไม่ได้พยายามจะนำทรัพย์สินไปคืนผู้เสียหายแต่อย่างใด เบื้องต้น แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีต่อไป