เกิดเหตุสยองขวัญ! หลังสองนักศึกษาคู่เกย์ยิงกันตายทั้งคู่ภายในอาคารเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เซ่นสังเวยพิษรักขมสีม่วง!
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ท.สมชาย เอื้อทยา พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.สามเสน ได้รับแจ้งเหตุนักศึกษาใช้อาวุธปืนยิงและมีผู้เสียชีวิต 2 รายภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.สามเสน พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส. บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สามเสน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บนอาคาร 11 ชั้นที่ 6 บริเวณทางเดินด้านหลังลิฟต์ติดกับทางเข้าห้องน้ำหญิง พบกองเลือดกองใหญ่เป็นลิ่มและมีเศษชิ้นเนื้อสมองกระจายไปทั่วบริเวณ พบศพนายไพศาล หรือเบนซ์ ศรีคชา อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ ชั้นปีที่ 3 สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .357 ที่บริเวณศีรษะ 2 นัด สวมชุดนักศึกษา กางเกงสแลกสีดำ ใกล้กันพบศพนายพงศ์ภวัต หรืออาร์ม ชัยชีพ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปีที่ 2 ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่บริเวณศีรษะ 1 นัด สวมเสื้อนักศึกษา กางเกงยีนส์ โดยสภาพนอนคว่ำหน้าตะแคงซ้ายตัวอยู่ใกล้ชิดติดกัน ใต้ร่างของนายพงศ์ภวัต พบอาวุธปืน ขนาด .357 ตกอยู่ ซึ่งกระสุนถูกยิงออกไปแล้ว 3 นัด แล้วอยู่ในลูกโม่อีก 3 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ไพบูลย์ ศรีคชา เจ้าหน้าที่ศาลแขวงตลิ่งชัน บิดาของนายไพศาล พร้อมด้วยมารดา ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เมื่อพบเห็นร่างลูกชายเสยชีวิต จึงได้ร้องไห้โหออกมาพร้อมกับตัดพ้อว่า “ลูกทำอย่างนี้ทำไม ทำไมลูกถึงไม่รักตัวเอง ไม่รักพ่อบ้าง” เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปนั่งสงบสติอารมณ์ ก่อนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะทำการสอบปากคำด้วยตนเอง เมื่อสอบสวน ร.ต.ไพบูลย์ให้การว่า ตนทราบว่าเบนซ์ลูกชายตนกับอาร์มคบหากันได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายก็เคยมีเรื่องทะเลาะกับอาร์ม แต่พอตนถามลูกชายก็ไม่ยอมบอกก็ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร บอกแต่เพียงว่าอาร์มนิสัยไม่ดีจึงอยากจะเลิกคบและตีตัวออกห่าง เมื่อตนทราบเรื่องจึงได้บอกให้ลูกชายเลิกคบแต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิก ซึ่งอาร์มเคยบุกรุกมาถึงที่บ้านเอาสีมาสาดใส่ที่หน้าบ้าน และยังเคยโทรศัพท์มาข่มขู่ตนและลูกอีกด้วย จึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.หลักสอง เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ตนยืนยันว่าลูกชายตนเป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นเกย์ และไม่มีพฤติการณ์แบบเชิงชู้สาวกับผู้ชายด้วยกันแน่นอน
จากการสอบถามนายกิตติพงษ์ ปั้นไล้ เพื่อนนักศึกษาของนายไพศาลเปิดเผยว่า ตนทราบจากเพื่อนๆ ว่าอาร์มกับเบนซ์เคยคบกันได้สักระยะหนึ่ง แต่ต่อมาเบนซ์ได้ขอเลิกกับอาร์มเพราะว่าอาร์มมีนิสัยไม่ดี และมีพฤติกรรมรุนแรงออกแนวเหมือนคนโรคจิต ก่อนเกิดเหตุพวกตนและเพื่อนกำลังเรียนวิชาการจัดการโครงการที่ห้อง 11604 ชั้นที่ 6 ของอาคารดังกล่าว ระหว่างนั้นนายอาร์มก็เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยและมาถามหานายเบนซ์ ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดคุยกันบริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นเมื่อเลิกเรียนเสร็จซึ่งช่วงนั้นเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ได้ลงจากตึกไปหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่กำลังรอลิฟต์อยู่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ตนจึงรีบวิ่งไปดูก็พบว่าทั้ง 2 คนเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่เคยเห็นอาร์มมาหาเบนซ์ที่มหาวิทยาลัยแต่อย่างใดซึ่งนายอาร์มเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก
พล.ต.ท.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายพงศ์ภวัต หรืออาร์ม มาติดพันกับนายไพศาล หรือเบนซ์ ได้เกือบ 1 ปีแล้ว ซึ่งทางบิดาของนายไพศาลเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงขอให้เลิกคบ ทำให้นายอาร์มไม่พอใจและตามราวี สำหรับสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เนื่องจากนายอาร์มมีพฤติกรรมมาติดพันและคบหากับนายเบนซ์ในลักษณะรักร่วมเพศ และยังเคยไปมาหาสู่ที่บ้าน 2 ครั้ง แต่นายเบนซ์ไม่เล่นด้วยและพยายามตีตัวออกห่าง นายอาร์มจึงได้ตามมาง้อขอคืนดี แต่นายเบนซ์เห็นว่านายอาร์มนิสัยไม่ดีจึงไม่ยอมคบหาด้วย นอกจากนี้นายอาร์มยังเคยบุกรุกไปที่บ้านของนายเบนซ์และยังเคยโทรศัพท์ข่มขู่ทั้งที่บ้านและที่ทำงานอีกด้วย จนกระทั่งต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.หลักสอง เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนจะมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุนายอาร์มได้เดินทางมาดักรอนายเบนซ์ที่มหาวิทยาลัยเพื่อพูดคุยกันเรื่องดังกล่าวที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด โดยนายอาร์มใช้อาวุธปืนขนาด .357 ที่พกติดตัวมาด้วย ซึ่งเป็นปืนของบิดานายอาร์ม แต่เป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้อง ยิงนายเบนซ์ที่ศีรษะ 2 นัด และยิงตัวเองตาม 1 นัด จนเสียชีวิตทั้งคู่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำศพของผู้ตายส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมจะทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมเพื่อสรุปสาเหตุอีกครั้ง