กระบวนการยุติธรรม
แม้ว่าพฤติกรรมของแก๊ง 18 มงกุฎจะถูกแฉตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุรายวันหลายครั้งแล้ว ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งหลอกลงทุนทองคำ หลอกซื้อขายหุ้น ข้าวสาร อาหารเสริม รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ฯลฯ แต่ปรากฏว่า ยังมีประชาชนอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุด ตำรวจ ปคบ.จับกุมสองสามีภรรยาสุดแสบหลอกขายทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศในราคาถูก มีผู้ตกเป็นเหยื่อนับ 100 ราย มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
คดีดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา หลัง นายพงษ์ศักดิ์ อาจขำ อายุ 32 ปี ชาว จ.นนทบุรี อาชีพรับติดตั้งวางระบบซอฟต์แวร์ โร่เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อ ผู้บริหาร บริษัท โกลบอล เอเซีย แทรเวลลิ่ง จำกัด เลขที่ 679 ซ.ตากสิน 5 ถนนตากสิน แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม. หลังถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวงไปเที่ยวประเทศเกาหลี แต่เมื่อจ่ายเงินแล้วกลับถูกบ่ายเบี่ยงเลื่อนวันเดินทาง กระทั่งทนไม่ไหวเข้าแจ้งความตำรวจดำเนินคดี
นายพงษ์ศักดิ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ มีเพื่อนที่สนิทกันได้แนะนำว่าบริษัทดังกล่าวสามารถพาไปเที่ยวประเทศเกาหลีได้ในราคาถูกกว่าบริษัททั่วไป โดยคิดค่าหัวคนละ 13,900 บาท รวมทั้งค่าเดินทาง ที่พัก และอาหาร ตนจึงจองซื้อ 5 คน ในราคา 69,500 บาท หวังพาแฟน และครอบครัวไปเที่ยวแดนอารีดังสักครั้งในชีวิต
ต่อมา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้โอนเงินจำนวน 69,500 บาทไปให้บริษัทดังกล่าว และจะได้ออกเดินทางในวันที่ 22-26 ต.ค. กระทั่งวันที่ 17 ต.ค.ทางบริษัทได้โทรศัพท์มาแจ้งขอเลื่อนการเดินทางไปเป็นเดือนหน้า โดยอ้างว่ามีปัญหากับตัวแทนสายการบิน
ระหว่างนั้น นายพงษ์ศักดิ์ ก็ใจคอไม่ค่อยดีเมื่อไปพบข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่ามีหญิงสาวรายหนึ่งได้เปิดเว็บไซต์แฉกลโกงของ นายเชาว์ โล่ห์เพชรัตน์ วัย 27 ปี และ น.ส.ชัญญา ยุพลัคม์ วัย 28 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเคยก่อเหตุหลอกลวงขายโทรศัพท์ไอโฟนเหยื่อมาแล้วหลายราย นายพงษ์ศักดิ์ จึงขอข้อมูลทำให้ทราบความไม่ชอบมาพากล และคดีหลอกขายไอโฟนกำลังขึ้นโรงขึ้นศาลพันตูกันอยู่ แต่ทั้งสองกลับมาลักลอบเปิดบริษัทโกลบอล เอเซีย แทรเวลลิ่ง จำกัด อีก
“ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวเคยถูกแจ้งความจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงที่กองปราบปราม ทำให้ผมไม่มั่นใจจึงเข้าแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบดังกล่าว ทั้งนี้ ทราบมาว่ามีผู้ที่จองซื้อทัวร์ท่องเที่ยวกับบริษัทดังกล่าวกว่าร้อยคน แต่ก็ถูกทางบริษัทขอเลื่อนเหมือนผมหลายคน แต่ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ขอไกล่เกลี่ย และหากผู้ใดประสงค์ยกเลิกขอเงินคืนทางบริษัทจะผ่อนจ่ายให้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด” นายพงษ์ศักดิ์ให้ข้อมูล
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม กลุ่มประชาชนที่ถูกบริษัทโกลบอล เอเซีย แทรเวลลิ่ง จำกัด หลอกลวงได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดย นางผกาวัลย์ โพธิ์แก้ว รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนิมมานรดี ย่านบางแค หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีคนรู้จักที่เคยไปท่องเที่ยวกับบริษัทนี้มาแล้วชักชวนให้ใช้บริการท่องเที่ยวเกาหลี 5 วัน 3 คืน ในราคาคนละ 13,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมากจึงหลงเชื่อไปชวนคนรู้จักให้ไปเที่ยวด้วยกันรวมแล้ว 25 คน เป็นเงินทั้งหมดกว่า 3 แสนบาท แต่มีการแบ่งจ่ายกันเป็นสองกลุ่ม
“กลุ่มฉันโอนเงินให้แก่บริษัทในบัญชี นายเชาว์ จำนวน 1.8 แสนบาท ส่วนอีกกลุ่มจ่ายให้แก่พนักงานขายอีกคนเป็นเงิน 1.9 แสนบาท กำหนดเดินทางในวันที่ 19-23 ตุลาคม แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถเดินทางได้ โดยทางบริษัทได้มีการนำกรณีของสายการบิน พี.ซี.แอร์ ที่เกิดปัญหามาอ้างด้วยทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ต่อมา ทางบริษัทก็แจ้งว่าหากต้องการยกเลิกก็จะคืนเงินให้ภายใน 15 วัน ซึ่งกลุ่มของฉันไม่ต้องการเงินคืน แต่ต้องการเดินทางไปเที่ยว และเมื่อถึงคืนวันที่ 18 ตุลาคมก่อนกำหนดเดินทางไม่ถึงวันก็ติดต่อบริษัทไม่ได้อีกเลย” นางผกาวัลย์แจกแจงข้องมูล
หลังสอบปากคำผู้เสียหายจำนวนหลายปาก ทางพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปขออนุมัติหมายจับผู้กระทำผิดต่อศาลอาญา จากนั้น ศาลได้อนุมัติหมายจับนายเชาว์ โล่ห์เพชรรัตน์ อายุ 27 ปี และน.ส.ชัญญา ยุพลัฒ์ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 679 หลังวัดใหม่พิเรนทร์ แขวงบางกอกใหญ่ เขตธนบุรี กทม. ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค โดยทางผู้เสียหายได้รวบรวมเงินจำนวน 100,000 บาทให้ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้
ต่อมา พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ชำนาญเดช แตงจุ้ย ผกก.1 บก.ปคบ.ได้ร่วมจับกุม นายเชาว์ และ น.ส.ชัญญา 2 สามีภรรยาได้บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังปากแข็งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังโดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
พ.ต.อ.ชำนาญเดช แตงจุ้ย ผกก.1 บก.ปคบ.เปิดเผยว่า บริษัท โกลบอล เอเซีย แทรเวลลิ่ง จำกัด เปิดมาได้ประมาณ 1 ปี โดยไม่ได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางบริษัทได้โฆษณาท่องเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่นในราคาถูกกว่าบริษัทอื่น โดยช่วงแรกๆ ก็สามารถนำผู้ที่ซื้อทัวร์ไปท่องเที่ยวได้จริง เมื่อผู้ที่ได้ไปเที่ยวกลับมาถึงเมืองไทยก็ได้มีการบอกต่อปากต่อปาก นอกจากนี้ ทางบริษัทยังชักชวนให้ผู้ที่เคยไปเที่ยวกับบริษัทให้เป็นนายหน้าหาคนไปเที่ยวโดยแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ 1-2 พันบาทต่อหัว เมื่อมีคนหลงเชื่อทางบริษัทก็ได้ให้โอนเงินค่าเดินทางล่วงหน้า 3 เดือน จากนั้น ก็จัดส่งให้ไปเที่ยวครั้งละ 10-30 คนเท่านั้น โดยฝากไปกับบริษัททัวร์อื่น ต่อมา เมื่อมีผู้สั่งจองทัวร์มากขึ้นทางบริษัทกลับปิดโทรศัพท์หนีไป ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว จำนวน 91 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
ด้าน น.ส.อารยา หรือน้องซายซ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี พริตตี้สาว ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐแห่งหนึ่ง เปิดโปงถึงพฤติกรรม 18 มงกุฎของสองสามีภรรยาคู่นี้ว่า ก่อนหน้านี้ได้สั่งซื้อโทรศัพท์ไอโฟนจากเพื่อนที่ชื่อ “เกด” ในราคาเครื่องละ 19,500 บาท ซึ่งราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยสั่งซื้อครั้งละ 50 เครื่อง ซื้อมาประมาณ 5 เดือนไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ต่อมา ตนทราบว่าเกดได้ซื้อโทรศัพท์มาจาก น.ส.ชัญญา อีกที ระหว่างนั้นตอนที่ เกดเดินทางไปต่างประเทศ ปรากฏว่า น.ส.ชัญญา ได้โทรศัพท์มาเสนอขายไอโฟนให้ในราคาเครื่องละ 13,000 บาท ตนเห็นว่าราคาถูกกว่ากันมาก จึงนัดเจอพูดคุยกันที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน
“เขาเป็นคนพูดจาดีมาก น่าเชื่อถือ หนูจึงสั่งซื้อโทรศัพท์ไอโฟนไปจำนวน 100 เครื่อง จากนั้นได้โอนเงินไป 1.2 ล้านบาทไปในบัญชีของ นายเชาว์ สามีเขา ผ่านไป 3 วันเขาทยอยส่งโทรศัพท์มาให้ครั้งแรก 50 เครื่อง และอีกวันทยอยส่งอีก 37 เครื่อง โดยอ้างว่าทางต่างประเทศส่งมาไม่ทัน จากนั้นหนูก็สั่งซื้อและโอนเงินไปให้รวม 7 ล้านบาท จากนั้นเขากลับปิดเครื่องหนีทันที เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องทั้งสองคนในข้อหาฉ้อโกง ขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ” พริตตี้สาว เหยื่อผัวเมียตัวแสบแฉ
นอกจากนี้ พบว่ามีเหยื่อของสองสามีภรรยารายหนึ่งที่ถูกหลอกขายไอโฟนได้ตั้งกลุ่ม “มั่นใจคนไทยหลายคนไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของ กุลนาถ แพรวา ชัญญา รัตนาภรณ์” ไว้ในเฟซบุ๊ก ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 2,742 คน โดยมีการบอกความคืบหน้าทางคดี และแฉพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสอง
“อยากฝากพี่น้องประชาชนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศกับบริษัททัวร์ว่าให้ตรวจสอบข้อมูลดูให้ดีว่า บริษัทแห่งนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ อย่าไปเห็นแก่ราคาถูก เพราะอาจตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่เคยถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวให้มาแจ้งความเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ได้ตลอดเวลา” พ.ต.อ.ชำนาญเดช กล่าวเตือน
ถือเป็นการปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่นานก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองมาดำเนินคดีได้ ก่อนที่จะไปคิดค้นใช้วิธีการใหม่ก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้านต่อไป อย่างไรก็ตาม ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เหล่ามิจฉาชีพมักเล่นกับความโลภของมนุษย์ ซึ่งหากความโลภเกาะกุมแล้วคนคนนั้นขาดความเฉลียวใจ และพลาดพลั้งตกเป็นเหยื่อ 18 มงกุฎได้