ตำรวจปากน้ำผสานกำลัง ตม.สุ่มตรวจพื้นที่ชาวผิวสีพักอาศัยย่านสำโรงเหนือ พบผู้ต้องหากระทำผิด พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมืองและยาเสพติดอื้อ รวบ 2 ผู้ต้องหาชาวไนจีเรียและแซมเบียมีกัญชาไว้ในครอบครอง
วันนี้ (23 ต.ค.) นายสมศักดิ์ พัวพันธ์ นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ต.ณัฐพันธ์ เศรษฐบุตร สว.ตม.สมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันแถลงผลการจับกุม Mr.AUGUSTINE STANLEY ONYEKACHI อายุ 34 ปี สัญชาติไนจีเรีย และ Mr.MWANZA BAULENI KANYAMBILO อายุ 35 ปี สัญชาติแซมเบีย พร้อมของกลางกัญชาแบบอัดแท่งและผงจำนวนหนึ่ง และอุปกรณ์การเสพ โดยพบในห้องพักเลขที่ 77/70 และ 77/77 ของอาคารชุดแห่งหนึ่ง ซอยแบริ่ง 1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังผสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ตรวจคนเข้าเมืองสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสมทุรปราการราว 50 นาย เข้าตรวจสอบกลุ่มชาวผิวสีที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลสำโรงเหนือ
พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.สำโรงเหนือสามารถจับกุมชาวผิวสีพร้อมยาไอซ์และกัญชาได้จำนวนหนึ่ง หลังเข้ามาพักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ให้เช่าย่านตำบลสำโรงเหนือ จึงประชุมร่วมกับตรวจคนเข้าเมืองสมุทรปราการและอำเมืองสมุทรปราการ เพื่อดำเนินการตรวจสอบว่ายังมีที่พักไหนบ้างที่มีชาวผิวสีอาศัยอยู่ โดยครั้งนี้ได้สุ่มตรวจในห้องพักและอพาร์ทเมนท์ให้เช่า 6 แห่งก็พบผู้กระทำความผิด 4 รายด้วยกัน เป็นสัญชาติไนจีเรีย 2 ราย แซมเบีย 1 ราย และแอฟริกาใต้ 1 รายโดยชาวผิวสีเหล่านี้ไม่มีหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าพนักงาน, หนังสือเดินทางหมดอายุและมียาเสพติดประเภท 5 กัญชาไว้ในความครอบครอง จึงนำตัวทั้งหมดมาสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ประกอบการทั้ง 6 แห่งที่สุ่มเข้าตรวจสอบยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2552 มาตรา38 มีโทษตามมาตรา 77 ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาทอีกด้วย
ทางด้านนายสมศักดิ์ พัวพันธ์ นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นการป้องปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการห้องเช่า อพาร์ตเมนต์ให้ทราบว่า เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาพักอาศัยต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทราบภายใน 24 ชั่วโมง เพราะข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ เนื่องจากหากพบว่ากลุ่มเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมหรือยาเสพติด ทางตำรวจจะได้ดำเนินการป้องกันหรือจับกุมเพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ